ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเอเชียเมื่อเร็วๆ นี้ รวมถึง เหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.5 และคลื่นสึนามิพัดถล่มชายฝั่งตะวันตกของเกาะสุลาเวสี อินโดนีเซีย ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักทั้งด้านชีวิต และทรัพย์สิน
สำนักงานลดความเสี่ยงภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นไอเอสดีอาร์ ระบุว่า ประชาชนราว 1.6 ล้านคน อาจได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ในอินโดนีเซีย
ยูเอ็นไอเอสดีอาร์ บอกด้วยว่า ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นดังกล่าว มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มยากจนที่สุดในประเทศที่ยากจนที่สุดอย่างหนัก แม้กระทั่งประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่าง ญี่ปุ่น ก็หนีไม่พ้นเรื่องนี้
ความเสียหายจากภัยธรรมชาติต่างๆ อาทิ แผ่นดินไหว สึนามิ และไต้ฝุ่น คิดเป็นมูลค่าต่อปีโดยเฉลี่ยที่ 250,000 – 300,000 ล้านดอลลาร์ โดยที่เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีความสูญเสียมากสุด ทั้งเมื่อผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ความเสียหายทางอ้อมก็อาจจะสูงกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในทันที
แผ่นดินไหว-สึนามิ เกาะสุลาเวสี อินโดนีเซีย
ทางการอินโดนีเซีย ประกาศตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุด จากภัยพิบัติทั้ง 2 ครั้งที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ที่อย่างน้อย 2,045 ราย ทางการยังหวั่นวิตกว่าตัวเลขผู้สูญหายอาจจะมากถึง 5,000 ราย ส่วนผู้ไร้ที่อยู่อาศัยอยู่ที่ระดับ 82,775 ราย ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้ จากการกู้ภัยที่ยังดำเนินอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี รัฐบาลอินโดนีเซียได้มีคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการกู้ภัย และค้นหาในวันนี้ (11 ต.ค.) โดยจะเปลี่ยนเป็นภารกิจฟื้นฟูแทน ซึ่งรัฐบาลตัดสินใจที่จะทิ้งพื้นที่ประสบภัยจำนวนหนึ่ง ที่เกิดภาวะแผ่นดินเหลว ซึ่งทำให้บ้านเรือน และผู้คนจมหายไป โดยจะประกาศให้เป็นสุสานหมู่ และจะไม่มีการเข้าไปแตะต้องใดๆ
- อินโดนีเซียเจอสึนามิถล่ม เหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.5
- อินโดฯ เผยยอดผู้สูญหายพุ่ง 5,000 คน รัฐบาลเล็งประกาศพื้นที่ ‘สุสานหมู่’
แผ่นดินไหว ฮอกไกโด ญี่ปุ่น
แผ่นดินไหวขนาด 6.7 ทางตอนเหนือสุดของเกาะหลักญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 41 ราย ส่วนใหญ่ถูกดินถล่มลงมาทับ เหตุการณ์ครั้งนี้ ยังสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือน และถนนสายต่างในซับโปโร เมืองเอกของภูมิภาคนี้ และยังทำให้ไฟฟ้าดับหมดทั้งเกาะ
สื่อท้องถิ่นรายงานอ้างผู้ว่าราชการจังหวัดฮอกไกโด “ฮารุมิ ทากาฮาชิ” ว่า ค่าเสียด้านโครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร และป่าไม้ คิดเป็นมูลค่าราว 1,300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังไม่รวมถึงความเสียหายด้านการท่องเที่ยว และธุรกิจภาคเอกชน
ไต้ฝุ่นมังคุด ส่วนใหญ่ในฟิลิปปินส์ ฮ่องกง จีน
ไต้ฝุ่นมังคุด หนึ่งในพายุลูกที่มีความรุนแรงสุดที่พัดถล่มเอเชียในช่วงฤดูมรสุมปีนี้ พัดขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์ช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก่อนจะเคลื่อนตัวต่อไปยังฮ่องกง และจีน
ในฟิลิปปินส์นั้น ไต้ฝุ่นมังคุดทำให้เกิดดินถล่ม และน้ำท่วมหนัก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 68 ราย ล่าสุด รัฐบาลมะนิลาประเมินความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นลูกนี้ไว้มากกว่า 622 ล้านดอลลาร์ ส่วนในฮ่องกง และจีนนั้น มีการประเมินว่า สร้างความเสียหายมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ทีเดียว
แผ่นดินไหว เกาะลอมบอก อินโดนีเซีย
เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เขย่าเกาะลอมบอก ทางตอนเหนือของอินโดนีเซีย เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยครั้งที่มีขนาดใหญ่สุดวัดแรงสั่นสะเทือนได้ระดับ 6.9 ซึ่งแม้จะไม่ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ แต่ก็สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งบนเกาะ และที่เกาะบาหลี ซึ่งอยู่ใกล้กัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์
- อินโดนีเซียเร่งกู้ภัยลอมบอก อพยพนักท่องเที่ยวพ้นเกาะ
- ลอมบอกอ่วม แผ่นดินไหวทำนักท่องเที่ยวหายเกินครึ่ง
เขื่อนแตก อัตตะปือ ลาว และกัมพูชา
วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุเขื่อนดินย่อย ของเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าเซเปียน เซน้ำน้อยในลาวแตก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ราย และสูญหายอีกมากกว่า 130 คน จากน้ำที่ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน และถนนหนทางที่อยู่ปลายน้ำอย่างรวดเร็ว ทั้งกระแสน้ำยังไหลไปไกล ทำให้เกิดเหตุน้ำท่วมในกัมพูชา และเวียดนามด้วย โดยรัฐบาลลาวไม่ได้เปิดเผยตัวเลขความเสียหายจากเหตุการณ์ที่แต่อย่างใด
พายุรุนแรงหลายครั้ง ญี่ปุ่น
ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ญี่ปุ่นเจอกับพายุฝนในหน้ามรสุม จนทำให้เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ และดินถล่มทางตะวันตกของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 229 คน และเกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์
จากนั้น ในช่วงต้นเดือนกันยายน ญี่ปุ่นก็ต้องรับมือกับพายุไต้ฝุ่นเชบี ซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงสุดที่พัดขึ้นฝั่งญี่ปุ่นในรอบ 25 ปี ซึ่งพายุลูกนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย และทำให้ผู้คนหลายพันต้องตกค้างอยู่ที่สนามบินคันไซ เพราะคลื่นลมแรงเพราะอิทธิพลของพายุ พัดเรือน้ำมันที่ทอดสมออยู่ เข้ามาชนกับสะพานที่เชื่อมต่อสนามบินกับแผ่นดิน