CEO INSIGHT

‘สุพัฒน์ ลายระยะพงศ์’ แม่ทัพซัมซุง กับภารกิจ ยึดแชมป์ สมาร์ทโฟน 5G

สมาร์ทโฟน 5G โอกาสที่มาพร้อมความท้าทายของ แม่ทัพใหญ่ซัมซุง “สุพัฒน์ ลายระยะพงศ์” กับภารกิจ “โต 10 เท่า” ครองตำแหน่งผู้นำเหนียวแน่น

การเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ของ เทคโนโลนี5G ในเมืองไทย เป็นทั้งโอกาส และความท้าทาย ของค่ายมือถือทุกราย ที่ต่างหมายมุ่งชิงเค้กมูลค่ามหาศาล โดยมีการคาดการณ์ว่า สมาร์ทโฟน 5G จะมีสัดส่วนเกิน 50% จากตลาดโทรศัพท์มือถือโดยรวมของไทย

สมาร์ทโฟน 5G

“ซัมซุงอยู่ในฐานะของผู้นำของตลาดสมาร์ทโฟน 5G ตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มวางจำหน่ายสมาร์ทโฟน 5G เชิงพาณิชย์รุ่นแรกในประเทศไทย ได้แก่ Galaxy S20 Ultra 5G เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และยังคงครองความเป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน” สุพัฒน์ ลายระยะพงศ์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าว

ปัจจุบัน ซัมซุงมีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 50% ของสมาร์ทโฟน 5G ทั้งหมดในประเทศไทย พร้อมคาดการณ์ว่าภายในระยะเวลา 5 ปีต่อไป ปริมาณการขายสมาร์ทโฟน 5G จะเติบโตขึ้นถึง 30 เท่าเมื่อเทียบตัวเลขปัจจุบัน ที่สำคัญคือกว่า 50% ของสมาร์ทโฟนในตลาดประเทศไทย จะถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องที่รองรับ 5G

ครองแชมป์สมาร์ทโฟน 5G แน่นเหนียว

แนวโน้มตลาดที่เกิดขึ้น จึงเป็นภารกิจสำคัญ ในฐานะหัวเรือใหญ่ของ กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและไอที ซัมซุง โดย สุพัฒน์ ปักธงภารกิจสำคัญคือ การทำให้ ซัมซุง ประเทศไทย ครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่ง ในตลาดสมาร์ทโฟน 5G อย่างต่อเนื่อง ด้วยการมีสินค้า ครบทุกระดับราคา เพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุดในประเทศ

สมาร์ทโฟน 5G

จากครั้งแรก ที่เริ่มวางจำหน่ายสมาร์ทโฟน 5G เชิงพาณิชย์รุ่นแรกในประเทศไทย ได้แก่ Galaxy S20 Ultra 5G ในปีนี้ ซัมซุง ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G มากถึง 5 รุ่น ตั้งแต่ กลุ่มลักชูรี่สมาร์ทโฟน อย่าง Galaxy Z Fold 2 แฟลกชิปสมาร์ทโฟนอย่าง Galaxy S20 Ultra 5G และ Galaxy Note20 Series ที่รองรับ 5G รวมถึง สมาร์ทโฟนระดับกลางอย่าง Galaxy A71 5G

ล่าสุดกับการเปิดตัว Galaxy A42 5G สมาร์ทโฟนที่รองรับเทคโนโลยี 5G ประสิทธิภาพสูง ในราคาเข้าถึงง่ายที่สุดเพียง 11,990 บาท รวมถึงรุ่นอื่นที่จะตามมาอีกในอนาคตอันใกล้ เรียกได้ว่า ครบทุกความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง

การเติบโตของสมาร์ทโฟน 5G เป็นผลมาจากการที่ รัฐบาลและผู้ให้บริการเครือข่าย ต่างมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยี 5G เพื่อให้คนไทยได้รับประสบการณ์ การใช้งานรูปแบบใหม่ที่เร็วขึ้นกว่าเดิม

จนถึงปัจจุบัน เครือข่ายสัญญาณ 5G มีให้บริการแล้วในกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล พร้อมกำลังเดินหน้าขยายไปสู่หัวเมืองและจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ซึ่ง ซัมซุงเอง ได้เตรียมความพร้อมร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายทุกรายเพื่อให้การส่งมอบเครื่องแก่ลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่น

สุพัฒน์ ลายระยะพงศ์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและไอที
สุพัฒน์ ลายระยะพงศ์

สมาร์ทโฟนทุกรุ่น “ต้องดีที่สุด”

อีกกลยุทธ์สำคัญของซัมซุง ในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายที่วางไว้คือ วิธีคิดด้านการทำงานที่แตกต่าง โดย ซัมซุงมีความเชื่อว่า สมาร์ทโฟนทุกรุ่น ทั้งระดับแฟลกชิปหรือระดับกลาง คุณภาพฮาร์ดแวร์ ต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกล้อง ชิปเซ็ต หน้าจอ และแบตเตอรี่ที่เรียกได้ว่าเป็น Best in Class ในอุตสาหกรรมนี้

พร้อมกันนี้ ยังรวมถึง ซอฟต์แวร์ ที่ได้รับการพัฒนามาจากศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์ของซัมซุง (Samsung Advanced Institute of Technology) ซึ่งเมื่อผสานกับเทคโนโลยี 5G จะทำให้สมาร์ทโฟนซัมซุง
ทุกเครื่อง สามารถเป็น AI ที่เรียนรู้ และประมวลผลตามพฤติกรรมของผู้ใช้ พร้อมพัฒนาระบบให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน ซัมซุงยังให้ความสำคัญกับ การสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า ตั้งแต่ขั้นตอนการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า ผ่าน Samsung Experience Store กว่า 100 สาขาทั่วประเทศ ให้ลูกค้าสามารถเข้าไปทดลองอุปกรณ์ที่สนใจพร้อมมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด

จากนั้น เมื่อลูกค้าได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ซัมซุงแล้ว ลูกค้าจะได้รับสิทธิ์พิเศษในการใช้ YouTube Premium และบริการจาก Samsung Galaxy Gift ฟรี อีกทั้งเมื่อลูกค้าใช้งานในระยะเวลา 6 เดือนขึ้นไปก็จะได้รับสิทธิพิเศษในการซื้ออุปกรณ์เสริมต่าง รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ จากผู้ให้บริการเครือข่ายและพาร์ทเนอร์ของซัมซุง

ซัมซุง

อย่างไรก็ตาม จากการที่การใช้งานเครือข่าย 5G ในประเทศไทย ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และกำลังขยายพื้นที่ให้บริการจากในกรุงเทพฯ ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทำให้ซัมซุงต้องทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมในการจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟน 5G ทันทีที่ผู้ให้บริการเครือข่ายรายนั้น เข้าไปติดตั้งสัญญาณ

จากประสบการณ์การใช้งานจริง ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน 5G ที่ผ่านมา ทำให้เห็นถึงการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ใช้งานคนอื่นยินดีที่จะเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟน 5G กันมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลให้ ซัมซุงรวมถึงผู้ให้บริการเครือข่าย ภาครัฐและพาร์ทเนอร์ทุกราย ได้ร่วมมือกันในการให้ข้อมูลกับประชาชน ถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีจาก 4G ไปยัง 5G

ตั้งเป้าหมายเติบโต 10 เท่า

พร้อมทั้งยกตัวอย่างการใช้งานจริง เพื่อให้ผู้ใช้ได้เห็นถึงประโยชน์ของ 5G อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น การใช้ 4G จะสามารถดาวน์โหลดได้เฉลี่ย 150 เมกะบิตต่อ 1 วินาที แต่สัญญาณ 5G จะทำให้ดาวน์โหลดได้เร็วมากกว่าสูงสุดถึง 1 กิกะบิตต่อ 1 วินาที (หรือโดยเฉลี่ย 500 เมกะบิตต่อ 1 วินาที สำหรับความเร็วประทศไทยปัจจุบัน) ทำให้ไม่มีอาการติดขัด หรือกระตุก เมื่อต้องเชื่อมต่อเครื่องมือสื่อสารจำนวนมากในพื้นที่เดียวกัน

เป้าหมายในปี 2564 ของ สุพัฒน์ คือ การผลักดันให้สมาร์ทโฟน 5G ของซัมซุง เติบโตขึ้นจากปีนี้ถึง 10 เท่า ทั้งในเชิงมูลค่าและปริมาณ พร้อมกับยังคงครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งไว้ได้ โดยทิ้งห่างจากคู่แข่งแบบนี้ต่อไป

แม้จะดูตัวเลขแล้ว ต้องยอมรับว่า ค่อนข้างสูง แต่ สุพัฒน์เชื่อมั่นว่าทำได้ โดยเห็นได้จากปีนี้ ที่ลูกค้าจำนวนถึง 2 ใน 3 เปลี่ยนมาเลือกซื้อสมาร์ทโฟน ที่รองรับ 5G

ดังนั้น หลังจากนี้ ซัมซุงก็ยังมีความตั้งใจ ที่จะ เปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G ที่ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มมีประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดบนสมาร์ทโฟน 5G ของซัมซุง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo