COVID-19

เริ่ม 7 ธ.ค.นี้ ไปอังกฤษ ต้องตรวจโควิดก่อนบิน 48 ชั่วโมง ทุกคน!

“อังกฤษ” กำหนดให้นักเดินทางทุกคน ที่จะเดินทางเข้าสหราชอาณาจักร จะต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนขึ้นบิน ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนมาแล้วหรือไม่ก็ตาม มีผลบังคับใช้ 7 ธ.ค. นี้ การเคลื่อนไหวที่ทำให้อุตสาหกรรมสายการบิน เกิดความไม่พอใจอย่างมาก

นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อังกฤษ เปิดเผยว่า รัฐบาลอังกฤษ ได้ออกมาตรการใหม่ สำหรับนักเดินทางทุกคน ที่จะเข้ามาในประเทศ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 มาแล้วหรือไม่ก็ตาม โดยจะต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นแบบรู้ผลในทันที (ATK) หรือแบบ PCR ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนที่จะขึ้นบิน

shutterstock 1914550309

นายจาวิด ระบุว่า มาตรการนี้ ที่จะผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น และจะมีการทบทวนอีกคร้้ง ตามสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งในขณะนี้ มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วมากกว่า 150 คน ทั่วทั้งสหราชอาณาจักร

มาตรการใหม่ข้างต้น เกิดขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อังกฤษตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์โมไมครอน เป็นครั้งแรกในประเทศ ทั้งมาตรการใหม่นี้ ยังกำหนดให้นักเดินทางจากต่างประเทศ จะต้องทำการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี PCR อีกครั้ง ภายในเวลา 2 วันหลังจากที่เดินทางมาถึง และต้องกักตัว จนกว่าจะได้รับผลการตรวจเป็นลบ

การเคลื่อนไหวดังกล่าว ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันของรัฐบาลอังกฤษ ที่สร้างแรงกดดันให้กับสายการบิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเดินทาง เพิ่มขึ้นนั้น ยัง เรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนัก จาก สายการบิน และองค์กรตัวแทนอุตสาหกรรมสายการบิน

บริติช แอร์เวย์ส หนึ่งในสายการบินชั้นนำของอังกฤษ ระบุว่า การกลับมาใช้มาตรการตรวจหาเชื้อไวรัสแบบครอบคลุมทั้งหมดอีกครั้ง สำหรับการเดินทางเข้ามายังสหราชอาณาจักรนั้น นอกจากจะเป็นการแตกแยกกับวิธีการที่ใช้กันอยู่แล้ว การตรวจ PCR เมื่อเดินทางมาถึง ยังไม่สอดคล้องกับวิธีการของประเทศอื่น ๆ  ด้วย

ส่วนสมาคมนักบินสายการบิน ชี้ว่า มาตรการใหม่นี้ นอกจากจะทำให้ตำแหน่งงานในสายการบินตกอยู่ความเสี่ยงแล้ว ยังทำให้อุตสาหกรรมการบินทั้งอุตสาหกรรม ตกอยู่ในความเสี่ยง และอาจสร้างความเสียหายอย่างหนัก ให้กับธุรกิจการเดินทางด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo