“อนามัยโลก” ระบุ การพบ “โรคฝีดาษลิง” อย่างทันทีทันใด ในหลายประเทศ ที่ไม่ใช่แหล่งเกิดโรค บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ ที่โรคนี้อาจเกิดการแพร่ระบาดมาสักพักหนึ่งแล้ว ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเร็ว ๆ นี้
องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงว่า นับถึงวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีชาติสมาชิก 23 ประเทศ ที่ไม่ใช่แหล่งพบโรคฝีดาษลิง ยืนยันการพบผู้ป่วยโรคนี้ 257 ราย และมีกรณีต้องสงสัยว่าจะติดเชื้ออีก 120 ราย ซึ่งคาดว่า จะมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น หลังจากที่มีการเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง ทั้งในประเทศที่เป็นแหล่งเกิดโรค และไม่ได้เป็น
ฝีดาษลิงอาจระบาดในหลายประเทศ แต่ตรวจไม่เจอ
WHO ระบุว่า การพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง พร้อม ๆ กันในหลายพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยพบการระบาดของโรคนี้มาก่อน อาจสะท้อนถึงการแพร่เชื้อชนิดที่ไม่สามารถตรวจหาเชื้อได้พบ และเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ก่อนที่จะพบการระบาดในหลายพื้นที่ทั่วโลกตอนนี้
ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ พบในอังกฤษ สเปน และโปรตุเกส ซึ่งจนถึงขณะนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับการเดินทาง ไปยังพื้นที่ที่โรคฝีดาษลิงเป็นโรคประจำถิ่น และส่วนใหญ่ตรวจพบโรค ผ่านบริการปฐมภูมิ หรือบริการสุขภาพทางเพศ
ทั้งนี้ โรคฝีดาษลิง เกิดจากเชื้อไวรัสจากลิง ที่ถูกพบเป็นครั้งแรกในปี 2501 และได้แพร่ระบาดอยู่ในสัตว์ป่า บางครั้งก็แพร่ระบาดไปสู่มนุษย์ด้วย โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะอยู่ทางตอนกลาง และทางฝั่งตะวันตกของแอฟริกา ซึ่งโรคนี้เป็นโรคระบาดในท้องถิ่น
โรคนี้อยู่ในตระกูลไวรัสเดียวกันกับไข้ทรพิษ หรือโรคฝีดาษในมนุษย์ แต่มีอาการไม่รุนแรงนัก ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย หนาวสั่น และเหนื่อยล้าเท่านั้น
ส่วนผู้ป่วยที่อาการหนักมากอาจจะมีผื่นขึ้น และมีรอยบาดแผลที่ใบหน้าและมือ ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ ขณะที่การควบคุมโรคนี้สามารถทำได้ง่าย ผ่านการกักตัวสำหรับผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ และสุขอนามัยที่ดี
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘อนามัยโลก’ ร้องนานาชาติ เร่งสกัด ‘ฝีดาษลิง’ ในประเทศที่ยังไม่ระบาด
- ‘อนามัยโลก’ เชื่อ ‘ฝีดาษลิง’ ระบาดไม่รุนแรง
- ‘โรช’ พัฒนาชุดตรวจ ‘โรคฝีดาษลิง’ แบบ PCR หลังพบระบาดแล้วใน 22 ประเทศ
