สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แม้ปัจจุบันทั่วโลกเร่งควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยมีการฉีดวัคซีนสูงถึง 2,000 ล้านโดสแล้ว แต่ยังคงต้องใช้เวลาอีก 9 เดือน สำหรับฉีดวัคซีนในอัตราปัจจุบันให้ประชากรโลก 75% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
รายงานระบุว่า การฉีดวัคซีนทั่วโลกนั้นไม่เท่ากัน กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ได้ประโยชน์เป็นหลัก ขณะประเทศรายได้ต่ำกว่ายังคงต้องดิ้นรนหาวัคซีน โดย 27 ประเทศร่ำรวยที่สุด ซึ่งมีประชากรรวมคิดเป็น 10% ของประชากรโลก ครองสัดส่วนราว 29% ของการฉีดวัคซีนทั่วโลก
วัคซีน แทรกเกอร์ (Vaccine Tracker) โครงการติดตามการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบลูมเบิร์ก พบสหรัฐ และสหราชอาณาจักร เป็นผู้นำด้วยการฉีดวัคซีนที่เร็วกว่า จีนมีการฉีดวัคซีนในจำนวนโดสมากที่สุด และสหภาพยุโรปกำลังเร่งฝีก้าวตามมา
ปัจจุบันจีนครองสัดส่วนราว 2 ใน 3 ของการฉีดวัคซีนรายวันทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 36 ล้านโดส สหภาพยุโรป กำลังฉีดวัคซีนเป็นจำนวนสูงสุดอันดับ 2 ด้วยตัวเลขรายวันประมาณ 3.6 ล้านโดส และตามด้วยอินเดียที่มีการฉีดวัคซีนรายวัน 2.6 ล้านโดส
ด้านสหรัฐ มีการฉีดวัคซีน 89.4 โดสต่อประชากร 100 คน สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่เพียง 23 โดสต่อประชากร 100 คน
แม้ตัวเลขวัคซีน 2,000 ล้านโดส อาจคิดเทียบเท่าเป็นมากกว่า 25% ของประชากรโลก แต่สัดส่วนการสร้างภูมิคุ้มกันที่แท้จริงนั้นต่ำกว่า เพราะวัคซีนเกือบทั้งหมดต้องแบ่งฉีด 2 โดส จึงจะมีประสิทธิภาพสมบูรณ์ และบางคนรับวัคซีนเพียงโดสเดียว
ทั้งนี้ ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมเกือบ 172 ล้านราย และผู้ป่วยเสียชีวิตเกือบ 3.7 ล้านราย
ที่มา:สำนักข่าวซินหัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ฮ่องกง’ ไฟเขียว ฉีดวัคซีนโควิด เด็กอายุ 12 ปี
- มีไทยด้วย! สหรัฐ ส่ง ‘วัคซีนโควิด’ 25 ล้านโดส ช่วยทั่วโลก
- วิจัยชี้ ฉีดวัคซีนโควิดผสม 2 เข็ม ‘แอสตร้าเซนเนก้า-ไฟเซอร์’ ผลข้างเคียงเพิ่ม