World News

ยังไปต่อได้! เปิด 5 เหตุผล แนวโน้ม ‘ทองคำ’ ยังสดใส

ทองคำ แนวโน้ม ยังสดใส นักลงทุนมองราคาพุ่งต่อเนื่อง แม้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 ส.ค.) ราคาทองคำ สปอต ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงของราคาในวันเดียว ครั้งรุนแรงสุดในรอบ 7 ปี และยุติขาขึ้น ที่ต่อเนื่องกันมาหลายสัปดาห์ 

แต่นักลงทุนหลายคน มองว่า ยังมีความเป็นไปได้ ที่  ราคาทองคำ จะทะยานขึ้นไปถึงระดับ 4,000 ดอลลาร์ และบางคน ถึงขั้นมองไปที่ระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์เลยด้วย

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้เหล่านักลงทุน พากันเดิมพัน ถึงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ของราคาทองคำในตลาดโลกว่า จะเกิดขึ้นอย่างน้อยจนถึง สิ้นปี 2563 นั้น มีอยู่ 5 สาเหตุด้วยกัน

ทองคำ แนวโน้ม

ทองคำ แนวโน้ม ขาขึ้น ทั่วโลกอัดฉีดการคลัง-ดอกเบี้ยต่ำ 

บรรดานักลงทุน ทะลักเข้าสู่ตลาดทองคำในปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ อัตราดอกเบี้ย ที่อยู่ในระดับต่ำทั่วโลก ซึ่งช่วยหนุนขาขึ้น ของทองคำ

การที่สหรัฐ ตัดสินใจลดดอกเบี้ย ลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อสู้กับภัยคุกคาม จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และทำให้ทองคำ มีความได้เปรียบมากขึ้น

เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีดอกเบี้ย และการถือครองทองคำ ก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนต้องสูญเสียรายได้ จากการขึ้นลงของอัตราดอกเบี้ย ในช่วงเวลาที่ผลตอบแทนพันธบัตร และอัตราดอกเบี้ยเงินออม อยู่ในระดับต่ำ หรือใกล้ระดับ 0%

ดอลลาร์อ่อนค่า 

เงินดอลลาร์อ่อนค่า ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยทางตลาด ที่ดันให้ราคาทองคำทะยานขึ้นมาอย่างมาก

เมื่อเงินสกุลหลักของสหรัฐอ่อนค่าลง ทำให้สินทรัพย์ต่างๆ ที่ซื้อขายกันด้วยเงินดอลลาร์ อย่าง ทองคำ มีความน่าสนใจมากขึ้น และนี่คือ สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ราคาทองคำทะยานขึ้นอย่างมาก ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

แม้นักลงทุน จะมีความหวังถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐ แต่การเจรจาที่ยังหาทางบรรลุข้อตกลงไม่ได้ ยังกลายเป็นแรงกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าอยู่

ทองคำ แนวโน้ม

นักลงทุนแห่เข้าลงทุน ETF – ตลาดล่วงหน้า

ข้อมูลล่าสุด แสดงให้เห็นว่า ปริมาณทองคำ ที่กองทุน ETF ทองคำ ทั่วโลก ถือครองอยู่ในปีนี้ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3,365 ตันแล้ว ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าปริมาณทองคำสำรอง ของธนาคารกลางเยอรมนี และเป็นการถือครองทองคำมากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ ที่มีทองคำสำรอง อยู่ในการครอบครองมากกว่า 8,000 ตัน

นอกจากนี้ กองทุนบริหารความเสี่ยงขนาดใหญ่บางราย ก็ได้ปรับเปลี่ยนทิศทางการลงทุน หันมาให้ความสนใจกับ ETF แทนการเข้าลงทุนในตลาดทองคำล่วงหน้า

สัญญาซื้อขายล่วงหน้า เก็งกำไร ราคาทองคำ 

นักลงทุน และเทรดเดอร์ ในตราสารอนุพันธ์ทองคำ ซึ่งเป็นวิธีการเก็งการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต ต่างเขื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม ถึงขาขึ้นของราคาทองคำ ไปตลอดเวลาที่เหลือของปี 2563

แม้จะมีการคาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในช่วง 5,000 ดอลลาร์ แต่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ได้รับความนิยมมากสุด สำหรับเดือนธันวาคม อยู่ในช่วงราคา 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของสัญญาล่วงหน้าในระดับนี้ เดิมพันไว้ว่า ราคาทองคำจะซื้อขาย อย่างน้อยที่สุด ในระดับดังกล่าว ภายในสิ้นปี 2563 ทั้งนักลงทุนบางราย ยังคิดว่า สัญญาล่วงหน้าสำหรับการซื้อทองคำ ในระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับสิ้นปีนี้

ทองคำ แนวโน้ม

ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ-ภูมิศาสตร์การเมือง

ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดก็ตาม ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดเสมอ โดยผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่คาดเดาไม่ได้ และความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับสหรัฐ ที่ถดถอยลง ล้วนทำให้เกิดความกังวลขึ้นในตลาด

ภัยคุกคามอีกประการหนึ่ง ต่อขาขึ้นของ ราคาทองคำ คือ การพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด -19 ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึง การนำออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว และเป็นวงกว้าง แต่ในขณะเดียวกัน แนวโน้มเศรษฐกิจยังไร้เสถียรภาพ และการเติบโตก็เปราะบาง

บรรดานักวิเคราะห์ ต่างคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางชาติต่างๆ จะยังปล่อยให้เศรษฐกิจ เกิดสภาพคล่องอย่างมากต่อไป ซึ่งหมายความ รัฐบาลสามารถปล่อยให้เศรษฐกิจ ที่กำลังฟื้นตัวขึ้นมานี้ สร้างเงินเฟ้อขึ้นมาได้

อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น จะทำให้เกิดเข้าถือครองทองคำมากขึ้น เพราะเป็นสินทรัพย์ ที่ป้องกันความเสี่ยงจากราคา ที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ตรงข้ามกับพันธบัตร ที่มีแนวโน้มจะถูกเทขายออกไป เพราะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จะทำให้รายได้ของสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ หดหายไป

ที่มา : Business Insider

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo