Finance

ราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น! ‘YLG’ ลุ้นแตะ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำ ยังเป็นขาขึ้น! “YLG” ประเมินแนวต้านสำคัญที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 29,500 บาท แนะกลยุทธ์เข้าเร็ว-ออกเร็ว พร้อมตั้งจุดขายขาดทุน

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ราคาทองคำในช่วงนี้ผันผวนมาก หลังจากราคาทองคำตลาดโลกไปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,981 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากนั้นมีแรงขายทำกำไร ทำให้ราคาทองคำปรับลงมาบ้าง

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น โดยมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 29,500 บาท หากผ่านไปได้ราคาทองคำจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านต่อไปที่ 2,037 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ราคาทองคำ

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ นักลงทุนต้องเข้าเร็วและออกเร็ว และต้องตั้งจุดขายขาดทุน (Stop Loss) หากราคาทองปรับตัวลงแรง โดยแนะนำให้นักลงทุนขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทองคำใกล้ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และที่เหลือรอลุ้นราคาทองคำต่อได้

นางสาวฐิภา กล่าวว่า ราคาทองคำ มีหลายปัจจัยสนับสนุน โดยเฉพาะความกังวลเรื่องเศรษฐกิจประเทศต่าง ๆ ที่คาดว่า จะหดตัวแรง โดยเฉพาะสหรัฐ เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ยังคงต่อเนื่อง และยังต้องติดตามความตึงเครียด ระหว่างสหรัฐ – จีน ที่ต่างตอบโต้กันไปมา รวมทั้งแรงซื้อจากกองทุน SPDR ที่เข้าสะสมทองคำ 5- 7 ตันต่อวัน ซึ่งกองทุน SPDR ถือครองทองคำรวมทั้งสิ้น 370 ตัน

ทั้งนี้ “YLG” ได้รายงาน สถานการณ์ราคาทองคำประจำวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 โดยสรุปว่า ราคาทองคำวานนี้ (29 ก.ค.) ปิดทะยานขึ้นอีก 19.62 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากแกว่งตัวผันผวนอย่างมาก ทั้งนี้ ราคาทองคำทะยานขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่บริเวณ 1,981.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย

โดยได้รับแรงหนุน จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ท่ามกลางแรงขายดอลลาร์ จากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ที่เกิดจากการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของ COVID-19 และความตึงเครียดระหว่างจีน – สหรัฐ ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงจนแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม ปี 2018

พร้อมกันนี้ ราคาทองคำ ยังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นอย่างมาก

ราคาทองคำ

อย่างไรก็ดี เกิดแรงทำกำไรออกมาหลังจากนั้น ขณะที่ สกุลเงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น จากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีจนส่งผลให้ราคาทองคำดิ่งลงถึง 75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ สู่ระดับต่ำสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,906 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคำ จะดีดกลับแรงในเวลาต่อมา โดยได้รับแรงหนุน จากการเปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจาก CB และดัชนีราคาบ้าน 20 เมืองในสหรัฐจาก S&P/CS ที่ออกมาแย่กว่าคาด

นอกจากนี้ ราคาทองคำ ยังได้รับแรงหนุน เพิ่มจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศ “ขยายเวลา” โครงการเงินกู้ฉุกเฉิน ซึ่งจะหมดอายุใน เดือนกันยายน ต่อไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นปี รวมไปถึงแรงซื้อทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสินทรัพย์เสี่ยงร่วงลง เนื่องจาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ ของสหรัฐ เผชิญความไม่แน่นอน หลังพรรครีพับลิกัน และ พรรคเดโมแครตขัดแย้งกัน ในหลายประเด็น นั่นทำให้ราคาทองคำ ฟื้นขึ้นมาปิดตลาดบริเวณ 1,959.37 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองวานนี้ +8.47 ตัน สำหรับวันนี้ จับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

คำแนะนำ เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หากราคาทองคำ สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,945-1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะทำกำไร หากไม่ผ่าน บริเวณแนวต้าน 1,969-1,981 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาอาจมีความผันผวนเพิ่มจากผลการประชุมเฟด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo