World News

‘ราคาน้ำมัน WTI’ ต่ำสุดรอบ 1 ปี แตะ 74 ดอลล์ ‘เบรนท์’ หลุด 80 ดอลล์

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ วานนี้ (7 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ร่วงลงแตะระดับ 74 ดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบ 1 ปีส่วน “เบรนท์” หลุด 80 ดอลลาร์ จากความวิตกถึงภาวะไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ที่อาจฉุดความต้องการบริโภค

ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 2.68 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 74.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคมปีที่แล้ว ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 3.33 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 79.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา

ราคาน้ำมัน

น้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลงมากกว่า 1% ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในยุโรปชะลอตัวลง เนื่องจากการพุ่งขึ้นของต้นทุนพลังงาน และอัตราดอกเบี้ย

นักลงทุนยังกังวลว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ จะส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย และจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทะลุ 5.0% ในกลางปีหน้า หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง แม้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% มาแล้วถึง 4 ครั้งติดต่อกัน บ่งชี้ว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินช่วงที่ผ่านมา ยังสกัดความร้อนแรงของตลาดแรงงานไม่ได้ ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้าเพื่อทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงและสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่กรอบ 5.00-5.25% ในเดือนพฤษภาคม 2566 หลังจากก่อนหน้านี้คาดการณ์ที่ระดับ 4.75-5.00%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้ (7 ธ.ค.)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo