P/E Ratio คือ อัตราส่วนของราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยอมที่จะลงทุนจ่ายเงินซื้อหุ้นตัวนี้เป็นกี่เท่าของทุก 1 บาท ของกำไรสุทธิ หรือแปลง่ายๆ ได้ว่าถ้าเราซื้อหุ้นที่ราคาเท่านี้ เราจะได้ทุนคืนในอีกกี่ปี หากบริษัทยังสามารถทำกำไรได้เท่าเดิมในทุกๆ ปี
หุ้นที่มี P/E สูง แปลว่าเรายอมที่จะจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อหุ้นตัวนี้ เมื่อเทียบกับหุ้นอีกตัวที่ P/E ต่ำกว่า เพราะฉะนั้น ตัวเลขนี้หากยิ่งต่ำ หุ้นก็จะถูกมองว่าถูก สามารถคืนทุนได้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่าหุ้น P/E ถูก ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะอาจจะสะท้อนถึงความกังวลบางอย่างต่อบริษัทก็ได้ ทำให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้าลงทุน
ทั้งนี้ จะเห็น P/E Ratio ในตลาดหลักทรัพย์เกือบทั่วโลก เติบโตลดลงในช่วงที่ผ่านมา โดยข้อมูลจาก Bloomberg พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า P/E ในแต่ละประเทศ ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2565 เทียบกับช่วงวันที่ 1 กันยายน 2565 เป็นดังนี้
1. USA Nasdaq มี P/E อยู่ที่ 34.69 เท่า เติบโตขึ้น 36.52%
2. China (Shangzhen) มี P/E อยู่ที่ 13.92 เท่า ลดลง 0.14%
3. United Kingdom มี P/E อยู่ที่ 13.34 เท่า ลดลง 3.75%
4. Hongkong มี P/E อยู่ที่ 6.45 เท่า ลดลง 13.77%
5. Thailand (SET) มี P/E อยู่ที่ 15.93 เท่า ลดลง 3.69%
6. Indonesia มี P/E อยู่ที่ 15.66 เท่า ลดลง 1.88%
7. Malaysia มี P/E อยู่ที่ 15.61 เท่า ลดลง 4.76%
8. Philippines มี P/E อยู่ที่ 15.26 เท่า ลดลง 10.34%
9. Vietnam มี P/E อยู่ที่ 11.63 เท่า ลดลง 15.36%
10. Singapore มี P/E อยู่ที่ 11.73 เท่า ลดลง 3.62%
11. MSCI ASEAN มี P/E อยู่ที่ 15.16 เท่า ลดลง 7.11%
12. กลุ่ม Emerging Market มี P/E อยู่ที่ 9.8 เท่า ลดลง 11.55%
อย่างที่ทราบกันว่า P/E Ratio มาจากอัตราส่วนระหว่างราคาต่อหุ้น (Price) เทียบกับกำไรต่อหุ้น (EPS: Earnings Per Share) ดังนั้น หากกำไรหุ้นมีแนวโน้มจะลดลง และราคาหุ้นอยู่ในช่วงที่ลดลง ย่อมส่งผลให้ P/E ลดลงตามไปด้วย
หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ P/E ลดลงเกือบทั่วโลก ยกเว้นตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 ที่ผ่านมาหลายประเทศทั่วโลก ต่างทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม Fed เพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ และการที่สหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วและแรง ย่อมส่งผลกระทบต่อตลาดแต่ละประเทศในหลายๆ ด้าน
นั่นเพราะว่าการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วและแรงเกินไป จะส่งผลให้สกุลเงินที่เคยอ่อนค่ากลับมาแข็งค่าขึ้น ยิ่งเงินแข็งค่าขึ้น จะไปทำให้เศรษฐกิจค่อยๆ หดตัว กระทบไปถึงกลุ่มแรงงานบางกลุ่มที่อาจจะตกอยู่ในสภาวะว่างงานได้ จนทำให้บริษัทต่างๆ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มีกำไรลดลง เนื่องจากผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อที่มากพอ
ดังนั้น เราจึงพอประมาณการณ์ได้ว่าปัจจัยที่ทำให้ P/E ของตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากสถานการณ์โลกทำให้เกิดการเทขายขึ้น จึงทำให้ราคาหุ้นจึงชะลอลงมาก่อน
คำถามคือ P/E ต่ำลง ทำให้หุ้นราคาถูก ดีจริงไหม? สิ่งสำคัญของคำตอบนี้อยู่ที่เราลองมองอนาคตเป็นอย่างไร เพราะจริงอยู่ที่ว่าหุ้นราคาถูกเป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อ แต่อย่างไรก็ดี การเลือกลงทุนควรดูองค์ประกอบอื่นๆ นอกจากค่า P/E ด้วย เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ เพราะสุดท้ายแล้วไม่มีใครรู้ว่าจุดไหนและเมื่อไหร่ที่ค่าจะต่ำที่สุด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่อง หุ้น ‘CPF’ คาดราคาเนื้อสัตว์พุ่ง หนุนกำไรแกร่งถึงปีหน้า
- การเดินเกมที่แตกต่าง ของหุ้นธนาคาร รับ ‘ดอกเบี้ยขาขึ้น’
- OPEC+ ลดกำลังผลิต 2 ล้านบาร์เรล หุ้นน้ำมันรีบาวน์!!
