Stock

OPEC+ ลดกำลังผลิต 2 ล้านบาร์เรล หุ้นน้ำมันรีบาวน์!!

โอเปกพลัส หรือ OPEC+ ประกอบไปด้วยกลุ่มประเทศสมาชิกผู้ส่งออกน้ำมันดิบ (OPEC) และชาติพันธมิตร ที่ปัจจุบันมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบป้อนตลาดโลกประมาณ 40% ของปริมาณการผลิตทั้งหมดในตลาดโลก ได้มีมติหลังเสร็จสิ้นการประชุม เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2565 เตรียมปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน จำนวน 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนพฤศจิกายน 2565

มติดังกล่าวถือเป็นการปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดของ OPEC+ ในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่ปี 2563 และยังเป็นการปรับลดกำลังการผลิตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา OPEC+ มีมติลดกำลังการผลิตลง 100,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาดโลก

นักวิเคราะห์สายพลังงานมองว่า การปรับลดกำลังการผลิตครั้งล่าสุดนี้ เป็นความพยายามของกลุ่ม OPEC+ ที่จะรักษาระดับราคาน้ำมันดิบ ซึ่งการดึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกให้สูงขึ้น คาดว่าผลักดันโดยซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากเป็นชาติที่ผลิตน้ำมันได้มากที่สุดในโลก โดยประเมินว่าซาอุดิอาระเบียต้องการให้น้ำมันดิบกลับมาทรงตัวอยู่อย่างมีเสถียรภาพ เหนือระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง

หุ้นน้ำมันรีบาวน์ e1665450850117

อย่างไรก็ตาม การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง อาจมีแนวโน้มส่งผลให้เกิดความเสี่ยงใหม่ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวเร็วขึ้นและรุนแรงขึ้น ในขณะที่หลายประเทศพากันขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งเกิดจากปัญหาระดับราคาของพลังงานอยู่ในเวลานี้

หุ้นน้ำมันที่ได้ประโยชน์เต็มที่

บทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ประเมินว่า หลังจาก OPEC+ มีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรล/วัน (ลดมากที่สุดในรอบ 2 ปี) ผู้ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นหุ้นพลังงานต้นน้ำ ได้แก่ PTTEP กับ BANPU และหุ้นโรงกลั่น ได้แก่ ESSO, TOP และ SPRC ขณะที่ผู้ได้รับผลกระทบด้านลบคือหุ้นปิโตรเคมี

ทั้งนี้ มองว่าข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตสอดคล้องกับความคาดหวังของตลาด แต่อุปทานน้ำมันทั่วโลกจะลดลงเพียง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจาก 14 จาก 19 ประเทศในกลุ่ม OPEC+ มีการผลิตน้ำมันที่ต่ำกว่าโควต้าอยู่แล้วรวม 3.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมีเพียงซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตน์ คูเวต อิรัก และโอมาน ที่สามารถผลิตน้ำมันได้ตามโควตา

opec

โดยคาดว่าตลาดน้ำมันตึงตัวในอนาคตอันใกล้ และกลับมามีโมเมนตันเชิงบวก ปรับขึ้นไปอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพราะฉะนั้น จึงชื่นชอบหุ้นต้นน้ำและโรงกลั่น โดยเพิ่ม PTTEP หรือ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กลับเข้าไปในหุ้นเด่น

สำหรับ บล.กรุงศรี ก็มีมุมมองตรงกันว่าการที่ OPEC+ ลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน นั้นเป็นผลบวกกับกลุ่มน้ำมัน ประกอบด้วย PTTEP, TOP, SPRC และ ESSO แต่จะเป็นลบกับกลุ่มที่ใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบ เช่น GPSC, BGIRM, SPCG และ TASCO ก็ต้องบอกว่าเป็นความเคลื่อนไหวของภาวะเศรษฐกิจในตลาดโลกที่สำคัญ และเกิดแรงกระเพื่อมต่อตลาดหุ้นไทยมากทีเดียว เพราะการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคาน้ำมันแค่ 1 เหรียญ สามารถส่งผลต่อกระทบต่อดัชนีตลาดได้ทันที เนื่องจากหุ้นกลุ่มน้ำมันในตลาดหุ้นไทย ถือว่ามีน้ำหนักมากใน SET Index  ตลาดเราเป็น Market Capitalization Weight เวลาหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวไปอย่างรุนแรง ก็จะมีผลต่อดัชนีมาก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน