ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (3 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลงมากกว่า 100 จุด โดยมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นแกนนำขาลง หลังจากที่ราคาน้ำมัน และบอนด์ยีลด์ เริ่มปรับลดลง และนักลงทุนยังเกาะติดวิกฤติยูเครน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 33,757.99 จุด ร่วงลง 133.36 จุด หรือ 0.39% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,361.12 จุด ลดลง 25.42 จุด หรือ 0.58% และดัชนีแนสแด็กที่ 13,597.49 จุด ดิ่งลง 154.53 จุด หรือ 1.12%
นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์การสู้รบ ระหว่างกองทัพรัสเซียและยูเครน ซึ่งได้ย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ขณะที่คณะผู้แทนของรัสเซีย และยูเครน จะจัดการเจรจาสันติภาพรอบ 2 ในวันนี้ หลังจากที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจารอบแรก
ทางด้านราคาน้ำมันเริ่มชะลอตัวลงมาแล้ว หลังมีความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก
ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 120 ดอลลารต่อบาร์เรล ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในยูเครน ซึ่งสร้างความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นทั่วโลก
เช่นเดียวกับ ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี ที่ลดต่ำลงมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1.87% หลังจากเมื่อวานนี้ ทำสถิติพุ่งสูงสุดในวันเดียว นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา
ตลาดยังเจอแรงกดดัน จากการที่ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 56.5 ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 61.0 หลังจากแตะระดับ 59.9 ในเดือนมกราคม ผลกระทบจากภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน เงินเฟ้อ และการขาดแคลนแรงงาน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เฟด’ ส่งสัญญาณ ‘ขึ้นดอกเบี้ย’ ยืนยันยุติ ‘คิวอี’ ตามแผนเดิม
- ‘คริปโทเคอร์เรนซี’ ระส่ำ เม็ดเงินไหลออกสูงเป็นประวัติการณ์ หลัง ‘เฟด’ ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย
- ‘ไอเอ็มเอฟ’ เตือน ‘เศรษฐกิจเกิดใหม่’ จัดมาตรการ รับมือ ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย
