CKPower กำไร 1,022 ล้านบาทในไตรมาส 3/2566 พร้อมติดหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับสูงสุด AAA และคว้าผลการประเมิน CGR ระดับดีเลิศ 6 ปีติด คาดผลการดำเนินงาน Q4/2566 ได้รับอานิสงส์จากปริมาณน้ำที่ยังดีต่อเนื่อง และ XPCL ลดต้นทุนทางการเงินได้จากการออกหุ้นกู้
วันนี้ (9 พ.ย.) นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำที่สุดรายหนึ่ง เปิดเผยว่า CKPower มีผลการดำเนินงานที่เป็นบวกทั้งในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนปี 2566
แม้จะได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงครึ่งปีแรก แต่สถานการณ์ปริมาณน้ำมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2566 ทำให้บริษัทสามารถปรับแผนการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 3 โดยคาดว่าจะส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี
สำหรับผลการดำเนินงานของ CKPower ในไตรมาส 3 ปี 2566 มีรายได้รวม 2,649 ล้านบาท ลดลง 846 ล้านบาท หรือ 24.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทจำนวน 1,022 ล้านบาท ลดลง 440 ล้านบาท หรือ 30.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ รายได้รวมงวด 9 เดือนของปีนี้ อยู่ที่ 7,901 ล้านบาท ลดลง 796 ล้านบาท หรือ 9.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทสำหรับงวด 9 เดือน จำนวน 919 ล้านบาท ลดลง 1,445 ล้านบาท หรือ 61.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุหลักมาจากการลดลงของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) จากปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงตามปริมาณน้ำ และค่าใช้จ่ายทางการเงินของ XPCL ที่สูงขึ้นตามแนวโน้มดอกเบี้ยโลก
ขณะที่ บริษัท ไฟฟ้า น้ำงึม 2 จำกัด (NN2) มีรายได้จากการขายไฟฟ้าลดลง และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากงานซ่อมบำรุงใหญ่ (Major Overhaul) ซึ่งเป็นไปตามแผนการซ่อมบำรุง และ บริษัท บางเขนชัย จำกัด (BKC) มีรายได้ลดลงจากการสิ้นสุดการได้รับ Adder
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนของปี 2566 CKPower พลิกรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจำนวน 816 ล้านบาท และ 555 ล้านบาท จากที่รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนในไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของปีนี้ ตามลำดับ
นอกจากนี้ XPCL ยังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Debentures) ในวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ให้กับนักลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ รวมจำนวน 3,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.15-5.55% ต่อปี
XPCL นำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปชำระคืนเงินกู้ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย และลดต้นทุนทางการเงิน ซึ่งจะส่งผลดีต่อส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน และผลการดำเนินงานโดยรวมของ CKPower ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
สำหรับฐานะทางการเงินของ CKPower ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 0.59 เท่า ต่ำกว่าข้อกำหนดของหุ้นกู้ ที่ให้ดำรงอัตราส่วนดังกล่าวไม่ให้สูงเกิน 3.00 เท่าค่อนข้างมาก แสดงถึงฐานะทางการเงินที่มีความมั่นคง
นายธนวัฒน์ เปิดเผยด้วยว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา CKPower ได้รับคะแนนกำกับดูแลกิจการ (CG Score) ในระดับ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2566 ที่จัดโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้รับการประเมินจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้ได้ SET ESG Ratings ประจำปี 2566 ที่ระดับ “AAA” ซึ่งเป็นเรทติ้งระดับสูงสุด นับเป็นการติดรายชื่อหุ้นยั่งยืน 4 ปีติดต่อกัน สะท้อนภาพการทำงาน และสอดรับกับวิสัยทัศน์ของ CKPower ในการมุ่งสร้าง “พลังงานสะอาดสู่สังคมคาร์บอนต่ำ”
รวมถึงสะท้อนการบริหารจัดการบริษัทที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน และแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาด้านความยั่งยืนของบริษัทผ่านการนำกลยุทธ์ “ซี เค พี” หรือแผนการดำเนินงาน 5 ปี สู่ความยั่งยืน (2565-2569) ของบริษัท ซึ่งครอบคลุมในทุกมิติของแนวคิด ESG
โดยขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องเพื่อร่วมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างการเปลี่ยนด้านพลังงานสะอาดที่สำคัญให้กับภูมิภาคในอนาคตต่อไปอย่างยั่งยืน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- มองข้ามช็อต ‘CKPower’ ไตรมาส 2 พลิกกำไร
- ปริมาณน้ำฝนเพิ่ม หนุน ‘CKPower’ ฟื้นตัว
- เอลนีโญ กระทบ ‘CKPower’ หวังฤดูกาลน้ำหลาก พลิกฟื้นผลประกอบการ