Finance

‘กสิกรไทย’ แจ้งผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก ปี 64 กำไร 19,521 ล้านบาท

‘กสิกรไทย’ รายงานผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก ปี 2564 กำไร 19,521 ล้านบาท มองแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน ชี้ การกระจายวัคซีน-ควบคุมโควิด ปัจจัยสำคัญกำหนดทิศทาง

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2564 ได้รับผลกระทบมากขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สาม ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อทิศทางการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน และธุรกิจ และยังทำให้ช่วงเวลาการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ต้องเลื่อนเวลาออกไป

กสิกรไทย

แม้มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจของภาครัฐ และสัญญาณการขยายตัวของภาคส่งออก จะยังคงเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจต่อเนื่องในระยะข้างหน้า แต่แนวโน้มการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน โดยขึ้นอยู่กับการกระจายวัคซีนและการควบคุมการระบาดของโควิด-19

ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิสำหรับงวดครึ่งปีแรกปี 2564 จำนวน 19,521 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2564 จำนวน 8,894 ล้านบาท

ผลการดำเนินงาน “กสิกรไทย” งวดครึ่งปีแรก ปี 2564 เทียบงวดครึ่งปีแรกปี 2563

ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 19,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 9,971 ล้านบาท หรือ 104.40 %

ในงวดครึ่งปีแรกปี 2564 ธนาคารและบริษัทย่อย ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss: ECL) ลดลง 39.32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

งวดครึ่งปีแรกของปีก่อน ธนาคารและบริษัทย่อยได้ตั้งสำรองฯ ในระดับที่สูง เป็นจำนวนถึง 32,064 ล้านบาท ภายใต้หลักความระมัดระวัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อันเป็นวิกฤติการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในลักษณะนี้มาก่อน

รวมถึง ผลที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการของทางการ ที่ให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ต้องติดตามดูแลคุณภาพหนี้อย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ดี แม้ภาวะเศรษฐกิจไทยในงวดครึ่งปีแรกของปี 2564 จะได้รับผลกระทบมากขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ธนาคารและบริษัทย่อย ได้ประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ซึ่งคาดว่าการฟื้นตัวจะเลื่อนเวลาออกไป และยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการปล่อยสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ลูกค้า

ธนาคารและบริษัทย่อย จึงได้พิจารณาตั้งสำรองฯ ในงวดนี้ ทั้งสิ้นจำนวน 19,457 ล้านบาท ซึ่งยังคงเป็นระดับสำรองฯ ภายใต้หลักความระมัดระวัง ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบไตรมาส 2 ปี 2564 กับไตรมาสก่อน ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้น 24.93%

กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้สำหรับงวดครึ่งปีแรกปี 2564 มีจำนวน 47,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,332 ล้านบาท หรือ 2.90% เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 2,686 ล้านบาท หรือ 4.87% จากการปล่อยเงินให้สินเชื่อแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

กสิกรไทย

ในงวดนี้อัตราการเติบโตอยู่ที่ 6.17% มาจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่มีศักยภาพ โดยธนาคารได้ติดตามดูแลคุณภาพเงินให้สินเชื่อของลูกหนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง มีการลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ

อย่างไรก็ตาม ยังมีลูกค้าบางส่วนอยู่ภายใต้มาตรการความช่วยเหลือของธนาคาร ซึ่งรวมถึงมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ทำให้ธนาคารต้องมีการบริหารจัดการดอกเบี้ยค้างรับที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ทั้งลูกค้าและธนาคาร สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจปกติได้

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินรับฝากลดลง จากอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ลดลง ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.20%

ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 1,031 ล้านบาท หรือ 4.28% ส่วนใหญ่จากการปรับมูลค่ายุติธรรม (Mark to market) ของสินทรัพย์ทางการเงิน ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด และรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยที่ลดลง แม้ว่ารายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,110 ล้านบาท หรือ 6.57% หลัก ๆ จากค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุน และค่านายหน้ารับจากการซื้อขายหลักทรัพย์

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 323 ล้านบาท หรือ 0.97% จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้ จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 41.54%

ผลการดำเนินงาน “กสิกรไทย” ไตรมาส 2 ปี 2564 เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564

ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และภาษีเงินได้จำนวน 23,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 290 ล้านบาท หรือ 1.23%

ธนาคารและบริษัทย่อยพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่ม จำนวน 2,157 ล้านบาท หรือ 24.93% จากไตรมาสก่อน ทำให้กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ 8,894 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนจำนวน 1,733 ล้านบาท หรือ 16.31%

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,584 ล้านบาท หรือ 5.63% ส่วนใหญ่เกิดจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.22%

ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 756 ล้านบาท หรือ 6.36% เป็นผลจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ รวมทั้งการปรับมูลค่ายุติธรรม (Mark to market) ของสินทรัพย์ทางการเงิน ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด ในขณะที่รายได้สุทธิจากการรับประกันภัยเพิ่มขึ้น

กสิกรไทย
ขัตติยา อินทรวิชัย

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 538 ล้านบาท หรือ 3.25% ส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 41.78%

นับถึงวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,886,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 จำนวน 228,065 ล้านบาท หรือ 6.23%

ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ และการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนสุทธิ สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 อยู่ที่ระดับ 3.95%

ธนาคารมีการติดตามดูแลคุณภาพเงินให้สินเชื่อของลูกหนี้ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างใกล้ชิด ขณะที่สิ้นปี 2563 อยู่ที่ระดับ 3.93% อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 อยู่ที่ระดับ 154.09% โดยสิ้นปี 2563 อยู่ที่ระดับ 149.19%

สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 อยู่ที่ 18.19% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 15.86%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo