Finance

‘กสิกรไทย’ เปิดผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 64 กำไร 10,627 ล้านบาท

“กสิกรไทย” รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 10,627 ล้านบาท มองแนวโน้มช่วงที่เหลือของปีนี้ ภาพรวมการฟื้นตัวเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการควบคุมการระบาดของ “โควิด-19”

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 2564 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้แรงส่ง จากการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ขาดความต่อเนื่อง แม้จะมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ

กสิกรไทย

ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้า (ไม่รวมทองคำ) ก็เริ่มได้รับอานิสงส์บางส่วน จากแนวโน้มการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจโลก สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี 2564 นั้น มองว่าเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม ยังมีความไม่แน่นอน และสถานการณ์ในแต่ละภาคส่วน ยังมีความแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศ

กสิกรไทย ทำกำไรไตรมาสแรก

ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2564 เปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2563 ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิจำนวน 10,627 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 2,631 ล้านบาท หรือ 19.85% โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และภาษีเงินได้จำนวน 23,496 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2563 จำนวน 4,857 ล้านบาท หรือ 26.06% หลัก ๆ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,530 ล้านบาท หรือ 5.75%

ส่วนใหญ่จากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ ซึ่งเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.16%

ในขณะที่รายได้ ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 414 ล้านบาท หรือ 3.36% ส่วนใหญ่เป็นผลจากความผันผวนของตลาดเงิน และตลาดทุน แม้ว่ารายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,129 ล้านบาท หรือ 13.60% ส่วนใหญ่จากค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุน ค่าธรรมเนียมรับจากการโอนเงิน และค่าธรรมเนียมรับจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ลดลงจำนวน 3,741 ล้านบาท หรือ 18.45% เนื่องจากในไตรมาสก่อน หลัก ๆ มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้า และค่าใช้จ่ายทางการตลาด ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ ซึ่งเป็นปกติตามฤดูกาล ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) ในไตรมาสนี้ อยู่ที่ระดับ 41.30%

กสิกรไทย
ขัตติยา อินทรวิชัย

นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อย ตั้งผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสนี้ จำนวน 8,650 ล้านบาท แม้ว่าไตรมาส 4 ปี 2563 ธนาคารตั้งสำรองฯ ลดลงหลังจากที่ตั้งในระดับที่สูง ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งเป็นระดับที่เพียงพอแล้ว

สำรองเพิ่ม รับความไม่แน่นอนจากโควิด

แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ ที่แพร่ระบาดในวงกว้างช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2564 รวมทั้งธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ จึงมีสำรองฯ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2564 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 ธนาคาร และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 10,627 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 3,252 ล้านบาท หรือ 44.10% หลัก ๆ เกิดจากรายได้ ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 1,923 ล้านบาท หรือ 19.30% เป็นผลจากการปรับมูลค่ายุติธรรม (Mark to Market) ของสินทรัพย์ทางการเงินตามภาวะตลาด และค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุนเพิ่มขึ้น

ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ลดลงจำนวน 950 ล้านบาท หรือ 5.44% จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 41.30% รวมทั้ง ธนาคารและบริษัทย่อย มีการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 8,650 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 3,222 ล้านบาท หรือ 27.14% โดยยังคงใช้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในการพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ที่ยังมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ของโควิด-19

S 77193223

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 ธนาคารและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,767,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 จำนวน 108,317 ล้านบาท หรือ 2.96% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนสุทธิ และการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ซึ่งธนาคารมีการติดตามดูแลคุณภาพเงินให้สินเชื่อของลูกหนี้ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างใกล้ชิด

สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 3.93% ในระดับเดียวกับสิ้นปี 2563 อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 153.98% โดยสิ้นปี 2563 อยู่ที่ระดับ 149.19%

ส่วนอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยง ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 อยู่ที่ 18.44% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 15.80%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo