Stock - Finance

‘BEM’ กำไรสูงสุดรอบ 15 ไตรมาส โตทั้งผู้โดยสาย MRT – ยอดขึ้นทางด่วน

BEM กำไรสูงสุดในรอบ 15 ไตรมาส โตทั้งผู้โดยสาร MRT และยอดขึ้นทางด่วน ไตรมาส 2 ปี 2566 ผลงานสวยหรู มีรายได้จากการให้บริการ 3,907 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

หุ้น BEM หรือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการทางพิเศษและรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง รายงานผลประกอบการในงวดไตรมาส 2 ปี 2566 ออกมาสวยหรูทีเดียว โดยมีรายได้จากการให้บริการ 3,907 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 901 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

กำไรสูงสุด

กำไรสูงสุด ในรอบ 15 ไตรมาส

สาเหตุจากรายได้ของทั้งสามกลุ่มธุรกิจหลักที่ดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้คนกลับมาเดินทางได้เป็นปกติ ปริมาณของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่องหลังการเปิดประเทศ รวมถึงนโยบายส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวจากหน่วยงานภาครัฐด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งนี้ เมื่อเจาะลึกไปตามกลุ่มธุรกิจจะเห็นรายละเอียด ดังนี้

1. รายได้จากธุรกิจทางพิเศษ จำนวน 2,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนทุกสาย โดยปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนในไตรมาสนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.10 ล้านเที่ยวต่อวัน โดยเฉพาะทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก (ทางพิเศษประจิมรัถยา) ที่มีอัตราการเติบโตสูงกว่าสายทางอื่น

กำไรสูงสุด

2. รายได้จากธุรกิจระบบราง จำนวน 1,499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% YoY ส่วนใหญ่เป็นรายได้ค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดยผู้ใช้บริการในไตรมาสนี้เฉลี่ยทุกประเภทอยู่ที่ 351,600 เที่ยวต่อวัน ส่วนการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ส่งต่อผู้โดยสารเข้าสู่สายสีน้ำเงิน ณ จุดเชื่อมต่อสถานีลาดพร้าวนั้น รายได้ค่าโดยสารจะเพิ่มชัดเจนในไตรมาส 3

กำไรสูงสุด

3.  รายได้จากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ จำนวน 277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% YoY โดยเป็นการเปิดพื้นที่ Metro Mall ให้เช่าพื้นที่โฆษณาและเช่าพื้นที่ร้านค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งยังได้รับผลดีจากการจัดสรรพื้นที่ให้เป็น Metro Art สถานีพหลโยธิน กระตุ้นให้ผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะทุกแขนงได้เข้ามาใช้พื้นที่และจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการงวด 6 เดือนของปี 2566 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของ BEM อย่างชัดเจน ด้วยกำไรสุทธิ 1,650 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทได้รับคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 อย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้มีการออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Debentures) ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

กำไรสูงสุด แข็งแกร่งต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 2566

ความน่าสนใจในงบไตรมาสนี้ของ BEM คือเป็นยอดกำไรที่สูง ที่สุดในรอบ 15 ไตรมาส ตามที่ตลาดคาดไว้ บทวิเคราะห์ บล. พาย ระบุว่ากำไรของ BEM คาดจะแข็งแกร่งต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 เพราะประเมินว่าจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยรายวันในระบบ MRT จะทำยอดสูงสุดใหม่ได้ในไตรมาส 4/2566 หนุนโดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ที่เริ่มมีลักษณะเป็น backpacker มากขึ้น

กำไรสูงสุด

ประกอบกับอานิสงส์ทางอ้อมจากการเชื่อมโครงข่ายระบบขนส่งมวลชน อาทิ การเริ่มเดินรถ MRT สายสีเหลือง ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และสายสีชมพูในเดือนมกราคมปีหน้า คาดมีผู้โดยสารไหลเข้ามาจากกรุงเทพฯ รอบนอก จะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารประมาณ 10%-15% จากปัจจุบัน

คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BEM มูลค่าพื้นฐาน 11.40 บาทต่อหุ้น คำนวณด้วยวิธีรวมส่วนธุรกิจ (SOTP) อิง PE’24E ที่ 43.8 เท่า ซึ่งรวมมูลค่า MRT สายสีส้มเข้ามาแล้ว หลังประเด็นการยื่นฟ้อง รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกโดย BTSC ถูกศาลปกครองกลางสั่งยกฟ้องไปแล้ว รวมถึง BEM เข้าร่วมการประมูลและชนะอย่างชอบธรรม

ทั้งนี้ รายละเอียดของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันออก คาดว่าจะเริ่มเดินรถในเดือนสิงหาคม ปี 2568 ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก คาดเริ่มเดินรถภายในเดือนธันวาคม ปี 2570

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน