COVID-19

‘หมอธีระวัฒน์’ ย้ำ!! ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มยังตายได้ วินัยต้องคงเดิม

“หมอธีระวัฒน์” เตือนอย่าทะนงตัว!! ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ติดได้เพิ่ม ยังตายได้ วินัยต้องคงเดิม ชี้การรักษาคนไข้เริ่มเป็น หรือยังไม่หนัก ต้องให้ความสำคัญสูงสุด

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า ในยุคเดลต้า (สายอินเดีย) และไม่นาน เบต้า (สายแอฟริกา) กับวัคซีน ไม่ใช่ทะนงตัว ว่า ติดเพิ่มได้นิด ตายได้น้อย ท่องใหม่ เป็น ได้วัคซีนครบสอง ติดได้เพิ่ม ยังมีตายได้แน่ ฉะนั้น วินัยคงเดิม

นอกจากนี้ หมอธีระวัฒน์ ยังโพสต์ข้อความอีกว่า วิกฤติปัญหาสาธารณสุขของประเทศ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เผยแพร่ กรกฎาคม 2557 ปัจจุบัน มิถุนายน 2564

หมอธีระวัฒน์

เราเห็นอะไรบ้าง?

ปัญหาร้ายแรงขณะนี้อยู่ที่การต้องจับมือร่วมกันทุกฝ่ายของผู้ให้บริการ และประชาชน รวมทั้งโรงเรียนแพทย์ โดยต้องเข้าใจตรงกันว่า

1. ป้องกันต้องมาเป็นอันดับแรกมิฉะนั้นต่อให้ประเทศรวยแค่ไหนก็ต้องล่มจม และคุณภาพคนในประเทศ จะแย่หมดเพราะสุขภาพบกพร่องทำงานไม่เต็มที่ แล้วจะเหลือใครมาชูชาติไทย

2. เงินก้อนเดียวต้องช่วยทั้งประเทศดังนั้น

2.1 ยาต้องพิจารณาที่ผลิตในประเทศที่ตรวจสอบคุณภาพแล้ว ไม่มีการอ้างยานอกดีกว่า เช่นยาไขมัน นอก เม็ดละ60 บาท ของไทยผลิตเองเพราะเมืองนอกหมดสิทธิบัตรแล้ว 5 บาท

2.2 ยาผีบอก ไม่ได้มีข้อมูลว่าดีจริง แต่หลุดมาได้อย่างไรจาก อย. ต้องกำจัดออก ทั้งนี้รวมถึงยาที่ปัจจุบันพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ประโยชน์ ไม่รักษาต้นเหตุ ชะลอโรคไม่ได้ ช่วยกระตุ้นเท่านั้น เช่นยา อัลไซเมอร์ ทั้งหลาย

2.3 คนที่มีฐานะต้องช่วยจ่าย ไม่ใช่รวยเป็น100 ล้าน แต่เบียดเบียน ชาวบ้าน ขอฟรี นี่เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่

3. การรักษาคนไข้เริ่มเป็น หรือยังไม่หนัก ต้องให้ความสำคัญสูงสุด คนไข้เหล่านี้จะเหมือนคนปกติไปนานเท่านาน การรักษาเมื่อป่วยต้องนอนรพ.แล้วหมายความว่าอวัยวะเริ่มเสียถดถอยด้วยความเร็วสูง แม้จะกลับคล้ายดูดี เครื่องในก็หาเหมือนเดิมไม่

หมอธีระวัฒน์

4. คนป่วยต้องเข้าใจอย่าตกเป็นเหยื่อโฆษณาชวนเชื่อ ทุกโรครักษาได้ แถมยังฟรี ความคาดหวังสูง เหล่านี้ทำให้ไม่เคยสนใจ ตนเอง ไม่ใส่ใจการป้องกันตนจากโรค รักษาไม่หาย ตาย หมอรับเละ ถ้าปล่อยเป็นเช่นนี้ ต่อไปหาหมอไม่ได้แล้วครับ จะมีก็เป็นคุณหมอรพ.เอกชนหมด แล้วจะเหลือใครมารักษาคนส่วนใหญ่ในประเทศ

5. การสร้างแพทย์ต้องเตรียมให้เผชิญกับความจริง ตรวจคนไข้นอกวันละ 60 คนไข้ในอาการหนักวันละ 30 ตามสภาพ รพ.จังหวัดหรือรพ.ศูนย์ หนำซ้ำต้องรับย้ายจากรพ.ชุมชนหมดเพราะคนไข้จะฟ้องท่าเดียวถ้าเกิดผิดพลาด โรงเรียนแพทย์ต้องสอนให้กระชับรวบรัด คิดเองเป็น รู้ว่าจะหาความรู้เพิ่มเติมที่ไหน อาจารย์ทุกคนเป็น super specialist ในด้านลึก แต่ต้องไม่จับลูกเด็กเล็กแดง มารู้ลึกเท่ากันหมด รู้ตามมาตรฐานในการช่วยชีวิต รู้ว่าเมื่อไร ต้องหาความช่วยเหลือ รู้ขอบเขตความสามารถ และต่อยอดได้ ในอนาคต

6. การประเมินคุณภาพ ของรพ. ของระบบในพื้นที่ ไม่ใช่ประเมินกระดาษ การประเมินว่าดี เพราะมีคนไข้ล้นหลาม มีผ่าตัดเละเทะ ใส่ขดลวดเส้นเลือดหัวใจเป็นว่าเล่น ถือว่าเป็นความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงของการป้องกันตั้งแต่ระดับชุมชน พื้นที่ การชะลอโรค เมื่อคนไข้เริ่มป่วย ระบบดี ต้องคนไข้น้อย ป่วยน้อย

7. ระบบประกันสุขภาพขณะนี้ดี แต่ไม่รอดในอนาคต ถ้าไม่คิดองค์รวม คนจะเป็นหมอต้องรู้การกำเนิดของโรค รักษาและป้องกันต้องไปด้วยกัน ห้ามฝ่ายป้องกันและรักษาทะเลาะกันเด็ดขาด ถ้าตายก็ตายด้วยกันหมดแหละครับทั้งประเทศ

8. การสร้างแพทย์ ต่างประเทศขณะนี้เริ่มเล็งเห็นความสำคัญในการเรียนวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานโดยกำหนดให้ผ่านปริญญาตรีก่อนอย่างน้อย 3-4 ปี และต้องมีงานวิจัย ที่ต้องทำ หลังจากนั้นเข้าเรียนแพทย์ 5 ปี แต่ละปีนอกจากจะมีรูปแบบของการผสมผสานศาสตร์ต่างๆเข้าด้วยกัน ย้งเป็นในรูปของการแก้ปัญหามีโจทย์เป็นตัวตั้งในรูปของ ตั้งแต่ปีแรกและปีที่สองช่วงบ่ายต้องอยู่กับหมอที่ทำงานในชุมชน เรียนรู้ความสำคัญฃองคนไข้เชื้อชาติต่าง ๆ และแนะนำวิธีการปรับตัวของคนไข้เมื่ออยู่ในสภาพไม่ปกติ

นอกจากนั้น ต้องเข้าใจกองทุนของประเทศซึ่งต้องช่วยคนส่วนใหญ่ เลือกยาถูกที่ดี และ มีผลกระทบในการชะลอ ป้องกัน โรค ไม่ใช่เพียงบรรเทาอาการ ปี 3-4-5 เรียนและขึ้นหอผู้ป่วย โดยมีความรู้สึกของการที่ต้องเข้าใจทั้งตัวมนุษย์ และตัวโรค และมีปัญญาพอที่จะตัดสินใจ หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเอง

จากนั้น เป็นแพทย์ฝึกหัดอีก 2 ปี ค่อยเลือกว่าจะเป็นอะไรในการต่อยอด แต่ไม่ว่าจะเลือกทางสายไหนก็ยังคงมีปัญญาที่จะติดตามวิชาการ และพอเข้าใจความสำคัญที่ต้องมีการวิจัย และการแปลผลการวิจัย (แม้ไม่ได้ทำวิจัยเอง) การรับรู้ยากลุ่มใหม่ ๆ ที่เข้าตลาดว่าตัวไหนมีความเก่งจริงหรือผลข้างเคียงสูง และยังรับรู้สถานการณ์ทางสาธารณสุขของประเทศได้ การสร้างแพทย์เป็นปัญหาที่หมักหมมมานับ10 ปีตั้งแต่ลดตัด การเรียนเพราะคิดว่าไม่ได้ใช้ ไม่ได้ประโยชน์ แท้จริงแล้วเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อช่วยในการยืนด้วยขาตัวเอง ของประเทศในอนาคตครับ

หวังว่าน่าจะมีการทำความเข้าใจ และทราบปัญหาที่หลากหลายที่มีอยู่มากมายในขณะนี้อยู่แล้วซึ่งทำให้เราด้อยกว่าประเทศอื่นๆ และน่าจะมีปัญหามากขึ้นในอนาคตนะครับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK