World News

ลุ้น ‘ไบเดน’ ชนะเลือกตั้ง ดัน ‘ดาวโจนส์’ พุ่งเฉียด 600 จุด

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (3 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ทะยานสูงขึ้น จากการที่นักลงทุนพากันคาดการณ์ว่า “โจ ไบเดน” จะเป็นผู้คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 27,519.27 จุด พุ่งขึ้น 594.22 จุด หรือ 2.21% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,380.78 จุด ทะยานขึ้น 70.54 จุด หรือ 2.13% และดัชนีแนสแด็กที่ 11,174.53 จุด ปรับขึ้นมา 216.92 จุด หรือ 1.98%

นักลงทุนพากันคาดการณ์ว่า นายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรคเดโมแครต จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ และพรรคเดโมแครต จะสามารถครองเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรสทั้งในวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

shutterstock 416888221

เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศขนาดใหญ่ และใช้โซนเวลาแตกต่างกัน จึงทำให้แต่ละรัฐมีเวลาเปิดหีบและปิดหีบเลือกตั้งไม่เหมือนกัน โดยรัฐจอร์เจีย อินเดียนา เคนตั๊กกี เซาท์แคโรไลนา เวอร์มอนท์ และเวอร์จิเนีย เป็นรัฐกลุ่มแรกที่ปิดหีบเลือกตั้ง และเริ่มนับคะแนนเร็วที่สุดของสหรัฐ โดยตรงกับพรุ่งนี้เช้า (4 พ.ย.) เวลา 07.00 น.ตามเวลาไทย

นักวิเคราะห์ระบุว่า หากพรรคเดโมแครตประสบชัยชนะครั้งใหญ่ในการเลือกตั้งวันนี้ โดยสามารถครองทำเนียบขาว รวมทั้งกวาดที่นั่งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะส่งผลดีที่สุดต่อตลาดหุ้น

ในวันนี้ นอกจากชาวสหรัฐที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว ยังจะต้องเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภา จำนวน 435 คน และเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 1 ใน 3 ของทั้งหมด หรือจำนวน 33 คน จากทั้งหมด 100 คน โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นทุก 4 ปี และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะมีขึ้นทุก 2 ปี

หากกระแส “Blue Wave” มาตามคาด ซึ่งจะทำให้นายไบเดนคว้าชัยชนะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ และทำให้พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรส ก็จะส่งผลให้พรรคเดโมแครต สามารถขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้อย่างราบรื่น หลังจากที่ถูกขัดขวางในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

“หากไบเดนชนะขาด และเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร นี่จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตลาดหุ้น โดยจะเปิดทางให้สหรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยเยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19” นายลุคแมน โอทูนูกา นักวิเคราะห์อาวุโสจาก FXTM กล่าว

ทางด้านนายพอล แซนฮู นักวิเคราะห์จากบีเอ็นพี พาริบาส์ กล่าวว่า ความเชื่อมั่นในตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า นายไบเดนจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งจะช่วยผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

อย่างไรก็ดี แม้ผลการสำรวจของทุกสำนักต่างระบุตรงกันว่า นายไบเดนจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่คะแนนเสียงจากผู้ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ และคะแนนเสียงจาก Swing State หรือ Battleground State ซึ่งเป็นรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน อาจเป็นปัจจัยชี้ขาดผลการเลือกตั้งครั้งนี้

ทั้งนี้ 6 รัฐที่อยู่ในกลุ่ม Swing State ได้แก่ แอริโซนา ฟลอริดา มิชิแกน นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน โดยทั้ง 6 รัฐดังกล่าวมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Votes) รวมกันมากถึง 101 เสียง ซึ่งผู้ที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 4-5 พ.ย. หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเพียงวันเดียว และการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo