General

ได้โปรด! ผู้เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยง หยุด! พักอยู่บ้าน 14 วัน สกัด Super Spreader

ได้โปรด! วงการแพทย์ วิงวอนซ้ำ ผู้เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยง หยุด! พักอยู่บ้าน 14 วัน จนครบระยะฟักตัวไวรัส COVID-19 สกัด Super Spreader แพร่กระจายเชื้อให้คนหมู่มาก โดยคนเพียงคนเดียว 

จากกรณีที่ยังมีคนจำนวนไม่น้อย ยังคงเดินทางไปต่างประเทศ และบางคนอยู่ระหว่างการท่องเที่ยว หรือบางคนกลับมาจากประเทศที่มีการระบาด ถูกบริษัท หรือหน่วยงาน กักตัว 14 วัน แต่กลับใช้โอกาสนี้ วางแผนไปเที่ยวต่างจังหวัดต่อ ทำให้วงแพทย์ที่กำลังต่อสู้กับ ไวรัส COVID-19 ต้องออกโรงช่วยกันย้ำเตือน

ทั้งนี้ เพื่อให้ไทยยืดชะลอเป็นประเทศที่มีการระบาด ระดับ 2 ให้นานที่สุด หรือไม่มีการแพร่ระบาดของคนไทยด้วยกัน เป็นการแพร่เชื้อจากนักท่องเที่ยว หรือคนที่คนที่เดินทางไปประเทศที่มีการระบาด ไม่ให้ไทยเข้าสู่ระดับ 3 หรือแพร่เชื้อจากคนในประเทศด้วย  ต้องออกโรงช่วยกัน

S 13410419 ตัด

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา คนที่ 1 และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ตอนนี้ทุกประเทศ รวมถึงประเทศไทย ต้องการให้การระบาดที่อาจจะเกิดขึ้น มีการชะลอให้ช้าที่สุด มีผู้ป่วยน้อยที่สุด เพื่อให้ระบบสาธารณสุขที่มี สามารถดูแลรองรับผู้ป่วยได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการบริการ รวมทั้งเวลาที่ชะลอได้นี้ จะทำให้เกิดความพร้อมทั้งเครื่องมือ การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และยามากขึ้น จึงได้มีการขอความร่วมมือให้งดการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดในช่วงนี้ และรีบวินิจฉัย แยกผู้ป่วยให้เร็วที่สุด

87461802 10158120705075522 75166295661740032 o
นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา

สาเหตุหนึ่งของการระบาด คือ การที่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค ซึ่งได้แก่ ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาดสูง ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ รวมทั้งอิตาลี และอิหร่าน และอาจมีจำนวนประเทศเพิ่มขึ้นอีก ยังขาดความรู้ ความเข้าใจในการปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง

โดยไม่แยกตัวหลังจากเดินทางกลับ ทำให้มีโอกาสไปแพร่เชื้อได้ต่อเนื่อง และไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางเมื่อเจ็บป่วย ทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ล่าช้า ดังเช่นกรณีผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง และมีอาการไข้ ไอ หายใจลำบาก เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล แต่ไม่เปิดเผยประวัติการเดินทาง ทำให้บุคคลใกล้ชิดทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน หรือบุคลากรทางการแพทย์ไม่ทันเตรียมตัวป้องกันการติดต่ออย่างถูกต้อง อันอาจนำมาซึ่งการแพร่ระบาดของโรคในวงกว้างต่อ

ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ผู้มีประวัติเสี่ยงตระหนักถึงผลกระทบต่าง ๆ ร่วมกันรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว และต่อประเทศชาติ หยุดการแพร่กระจายโรค โดยการแยกตัวจนกว่าจะพ้นระยะฟักตัวของโรค หากเจ็บป่วยต้องให้ประวัติที่แท้จริงเมื่อเข้ารับการตรวจรักษาในสถานพยาบาล เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศไทย และขอให้คำแนะนำสำหรับประชาชน และครอบครัวที่เดินทางไปต่างประเทศในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 ดังนี้

1. ผู้ที่เดินทางกลับ หรือแวะพักจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ จีน มาเก๊า ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อิหร่าน อิตาลี

  • แจ้งการเดินทางกลับแก่ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทางโทรศัพท์ทันทีเพื่อลางาน
  • หยุดทำงานหรืออยู่บ้านเป็นเวลา 14 วัน นับจากเดินทางถึงประเทศไทย
  • แยกพื้นที่อาศัย เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ กับผู้อื่น ถ้าเป็นไปได้เลือกอยู่ในบริเวณที่อากาศถ่ายเทดี
  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดบุคคลในที่พักอาศัยอย่างน้อย 1 เมตร  โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ และผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ  ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือเมื่อต้องใกล้ชิด ให้ใช้หน้ากากอนามัย
  • ทำความสะอาดมือด้วยสบู่และน้ำ หรือ แอลกอฮอล์เจล เป็นประจำอย่างเคร่งครัด
  • ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น จาน ชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ
  • จัดหาอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้กับผู้สัมผัสใกล้ชิดด้วย เช่น หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล ฯลฯ
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางไปที่ชุมชน

2. ผู้ที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนเดียวกับกลุ่มที่ 1 ในช่วง 14 วันแรก

  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้นั้นในที่พักอาศัยอย่างน้อย 1 เมตร โดยเฉพาะท่านที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ และผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือเมื่อต้องใกล้ชิด ให้ใส่หน้ากากอนามัย
  • ทำความสะอาดมือด้วยสบู่และน้ำ หรือ แอลกอฮอล์เจล เป็นประจำอย่างเคร่งครัด
  • ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้นั้น เช่น จาน ชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ
  • ใส่หน้ากากอนามัย ถ้าจำเป็นต้องใกล้ชิดผู้นั้น

3. ทั้งสองกลุ่ม ต้องเฝ้าระวังอาการเจ็บป่วยของตนเอง และผู้ใกล้ชิด ที่อาจบ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อ ได้แก่

  • อาการไข้ ถ้ารู้สึกว่ามีไข้ ให้ตรวจวัดอุณหภูมิอย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง ว่าอุณหภูมิที่วัดทางปากมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส หรือทางรักแร้มากกว่า 37.0 องศาเซลเซียสหรือไม่
  • อาการผิดปกติของทางเดินหายใจเฉียบพลัน เช่น ไอ น้ำมูก เจ็บคอ เหนื่อยหอบ หรือหายใจเร็ว

หากผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับ หรือแวะพักจากประเทศต่างๆ ดังกล่าว หรือคนในครอบครัวมีอาการผิดปกติข้างต้นทั้ง 2 ข้อ ให้ติดต่อโรงพยาบาลตามสิทธิการรักษาหรือ โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียง หรือ สอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

4. ในกรณีมีเด็กร่วมเดินทางไปในประเทศที่เสี่ยงด้วย 

  • ให้รีบแจ้งโรงเรียน และหยุดไปเรียน อยู่บ้าน ไม่ไปในสถานที่สาธารณะ สถานรับเลี้ยงเด็ก และไม่ให้เล่นกับเด็กอื่น ๆ เป็นเวลา 14 วัน หลังจากเดินทางกลับ
  • เด็ก ๆ อาจไม่ใส่หน้ากากอนามัยได้ก็ไม่เป็นไร แต่ควรเน้นให้ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลบ่อย ๆ และหากมีอาการเจ็บป่วย ให้รีบมาพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

5. ในกรณีที่มีเด็กอยู่ร่วมบ้าน กับผู้ที่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ควรแยกเด็กให้ห่างออกมา และปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อ 2 หากมีอาการเจ็บป่วย ต้องให้ข้อมูลการอยู่ร่วมบ้านกับผู้มีความเสี่ยงด้วย เมื่อเดินทางมาพบแพทย์ หรือมาโรงพยาบาล

  • หลีกเลี่ยงการเดินทางสาธารณะ และเมื่อเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวให้เปิดหน้าต่างรถยนต์ไว้เสมอ
  • ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
  • ทำความสะอาดมือ ด้วยแอลกอฮอล์เจลบ่อย ๆ
  • เว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร และไม่สัมผัสผู้อื่นหรือสิ่งของต่าง ๆ โดยไม่จำเป็น
  • แจ้งบุคลากรของโรงพยาบาลทันทีว่า ท่านมีโอกาสเป็นโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัส 2019
ANN 6940 0
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ได้ออกคำแนะนำสำหรับประชาชนในการเดินทางเข้า-ออก ประเทศไทย และประเทศที่มีการระบาดต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 9 ข้อ

ข้อสำคัญ คือ ข้อที่ 6 ให้ผู้ที่คัดกรองที่ด่านฯ และพบว่าไม่มีอาการป่วย ขอความร่วมมือให้สังเกตอาการป่วยอยู่ที่บ้าน หรือที่พัก จนครบ 14 วัน โดยให้หลีกเลี่ยงการไปในที่สาธารณะที่มีคนอยู่หนาแน่นโดยไม่จำเป็น เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ โรงเรียน รถไฟฟ้า เป็นต้น และงดใช้ขอใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดตัว มีพฤติกรรมสุขภาพ เช่น หมั่นล้างมือ ไอจามปิดปากปิดจมูก

111237

นพ.สุขุม กาญจนภิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ย้ำในอีกด้านหนึ่ง เพื่อให้ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศแจ้งข้อมูล และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำโดยสมัครใจ ว่า ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรค ทุกคนไม่ใช่ผู้ป่วย หรือผู้ที่ถูกรับตัวเข้าไว้สังเกตอาการ ก็ไม่ใช่ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทุกคน ขออย่ารังเกียจ อย่าตีตรา อย่าล้อเลียนผู้ป่วย ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรค ขอให้เห็นใจ ส่งกำลังใจให้หายป่วย

“ทุกคนที่มาจากประเทศที่ระบาดไม่ใช่ผู้ป่วยทุกคน การทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ คือ อย่ารังเกียจ ตีตรา หรือล้อเลียน ขอให้คิดว่าเป็นความกล้าหาญ ต้องชื่่นชมที่แสดงตัว แจ้งข้อมูลกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ป่วยก็มาตรวจรักษาที่โรงพยาบาล เพราะเพียง 1 คน ที่ปกปิดข้อมูล ก็เป็นผู้ป่วยที่สามารถแพร่เชื้อได้เป็นจำนวนมาก (Superspreder)”

Avatar photo