โควิดวันนี้ 9 กุมภาพันธ์ 2565 นับถึงเวลา 09.00 น. ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 400,428,718 คน รักษาตัวหายแล้ว 320,737,052 คน และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 5,781,769 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นมา 1,309,517 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 11,785 ราย
สถานการณ์ โควิดวันนี้ 9 กุมภาพันธ์ 2565
Worldometer เว็บไซต์รายงานข้อมูลโควิด-19 ล่าสุด ที่รวบรวมมาจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สหรัฐพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 179,169 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมล่าสุดที่ 78,556,193 ราย และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2,777 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 932,443 มากสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก
ในยุโรป หลายประเทศต้องรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่สูงขึ้นอย่างมาก โดย รัสเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 165,643 ราย เยอรมนี 212,724 ราย และอิตาลี 101,864 ราย
ขณะที่ การระบาดใหญ่ในแถบอเมริกาใต้ กลับมารุนแรงอีกครั้งเช่นกัน โดยบราซิล ซึ่งติดอยู่ในอันดับ 3 ของประเทศที่มียอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิดมากสุดในโลก พบผู้ติดเชื้อใหม่ 171,483 ราย ขณะที่อาร์เจนตินา เจอผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 32,790 ราย และชิลีที่ 24,970 ราย
เช่นเดียวกับ สถานการณ์ระบาดในเอเชีย ที่ยังมีผู้ติดเชื้อรายวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอินเดีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 62,507 ราย ตุรกี 96,514 ราย และญี่ปุ่น ที่ 92,865 ราย
ส่วนในอาเซียนนั้น กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดวันนี้ มีจำนวน 26,121 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,542,601 ราย สูงสุดในกลุ่มอาเซียน โดยมีผู้เสียชีวิตรายใหม่ จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 82 ราย ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตรวม 144,636 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
ทางด้าน กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 6,835 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 3,616,387 ราย สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตสะสม จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ อยู่ที่ 54,538 ราย เพิ่มขึ้น 12 ราย
องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยรายงานคาดการณ์ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อย BA.2 ของโอไมครอนจะแพร่ระบาดไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า สายพันธุ์ย่อยนี้สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำในผู้ที่เคยติดเชื้อโอไมครอนมาก่อนหรือไม่
พญ. มาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าแผนกโรคโควิด-19 ของ WHO ระบุว่า ทางองค์การกำลังเฝ้าระวังสายพันธุ์ย่อย 4 สายพันธุ์ของโอไมครอน โดยเธอคาดว่า สายพันธุ์ย่อย BA.2 ซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์หลักของโอไมครอน จะกลายเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดทั่วไปมากขึ้น
นอกจากนี้ แพทย์หญิงมาเรียยังระบุว่า WHO กำลังเฝ้าระวัง BA.2 เพื่อดูว่าสายพันธุ์ย่อยนี้ส่งผลให้เกิดยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโอไมครอนไปแล้วหรือไม่
พญ. มาเรียเน้นย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่า สายพันธุ์ย่อยแต่ละสายพันธุ์ก่อให้เกิดอาการที่มีความรุนแรงต่างกัน แม้การวิจัยในประเด็นนี้จะยังไม่สรุปผล และโดยทั่วไปแล้ว สายพันธุ์โอไมครอนไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรงเท่ากับสายพันธุ์อัลฟาหรือเดลตา เพียงแต่แพร่กระจายได้เร็วกว่า
รายงานผลวิจัยก่อนหน้านี้ของเดนมาร์ก ระบุว่า สายพันธุ์ย่อย BA.2 ของโอไมครอนแพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์หลักราว 1.5 เท่า ทั้งยังสามารถทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส และเข็มบูสเตอร์ติดเชื้อได้ อย่างไรก็ดี ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสจะมีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน
พญ. มาเรียกล่าวว่า วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการล้มป่วยหนักและการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ทั้งหมดก็ตาม โดยเธอได้แนะนำให้ทุกคนเร่งเข้ารับการฉีดวัคซีนและสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคาร
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- WHO ชี้หลายประเทศ โอไมครอนยังไม่พ้นจุดระบาดสูงสุด แนะอย่าเร่งผ่อนคลาย
- ‘ไฟเซอร์’ ยื่นเรื่อง ‘อย.สหรัฐ’ ขออนุมัติใช้ฉุกเฉิน ‘วัคซีนโควิดเด็ก 6 เดือน-4 ขวบ’
- อังกฤษตรวจสอบ ‘สายพันธุ์ย่อยโอไมครอน’ เจอแล้ว 40 ประเทศทั่วโลก
