รัฐบาลจีนยังคงเดินหน้าความพยายามทำ “การทูตวัคซีน” หรือการผูกสัมพันธ์กับนานาประเทศด้วยการใช้วัคซีนโควิด-19 เป็นสื่อเพื่อซื้อใจอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่การระบาดเป็นวงกว้างของโคโรนาไวรัสยังคงดำเนินอยู่นี้ แม้ว่าหลายฝ่ายจะยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิผลของวัคซีนที่จีนผลิตก็ตาม
VOA รายงานว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศจีน ประกาศว่า ได้ส่งมอบวัคซีนโควิด-19 จำนวน 1,100 ล้านโดส ให้กับรัฐบาลกว่า 100 ประเทศ นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสมา
ผู้สังเกตการณ์หลายรายมองว่า ยุทธศาสตร์การชิง “อำนาจอ่อน” (Soft Power) ของจีนด้วยการใช้วัคซีนโควิด-19 นั้นนอกจากจะเพื่อผูกมิตร กับนานาประเทศแล้ว ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายาม ที่จะทำให้ตนเป็นที่ยอมรับเหนือสหรัฐ คู่แข่งตัวฉกาจ ซึ่งน่าจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของรัฐบาลกรุงปักกิ่ง ในสายตาของประเทศผู้รับมอบทั้งหลาย ในเวลาที่การจัดหาวัคซีนนั้น ยังเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยากอยู่
จีนทำ การทูตวัคซีน ข่าวร้ายชาติตะวันตก
ฟาบริซิโอ บอสซาโต นักวิชาการอาวุโสจากสถาบัน Ocean Policy Research Institute แห่งมูลนิธิ Sasakawa Peace Foundation ในกรุงโตเกียว ให้ความเห็นว่า วัคซีนของจีนนั้นน่าจะใช้ได้ผลอยู่บ้าง แม้ประสิทธิผล และประสิทธิภาพจะต่ำกว่าของที่อื่นที่ผลิตในประเทศตะวันตกอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้รับยาได้ระดับหนึ่ง ซึ่งดีกว่าการไม่ได้รับวัคซีนเลย
บอสซาโต ยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า นโยบายการทูตวัคซีนของจีนนั้น จะเดินหน้าไปได้ด้วยดี ซึ่งก็เป็นข่าวร้ายสำหรับกลุ่มประเทศตะวันตกทั้งหลาย ที่ถูกมองว่า พยายามกักเก็บอาวุธรับมือโควิด-19 ที่ดีที่สุดไว้ให้ประเทศตนเองใช้มากกว่า ทำให้จีนกลายมาเป็น “หุ้นส่วนที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้และยินดีจะยื่นมือช่วย” ไปแทน
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ในบรรดาวัคซีนทั้งหลายที่จีนพัฒนาขึ้นมานั้น วัคซีนของซิโนแวค มีประสิทธิผลในการต่อต้านการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ 51% ขณะที่ วัคซีนของซิโนฟาร์ม มีระดับประสิทธิผลที่ 79%
อย่างไรก็ดี จอห์น สวาทซ์เบิร์ก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ด้านสาธารณสุข จากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย เบิร์คลีย์ กล่าวว่า ในเวลานี้ ยังไม่มีข้อมูลมากนักเกี่ยวกับประสิทธิผลของวัคซีนทั้งสองตัวของจีน ในการรับมือกับไวรัสสายพันธุ์เดลตา แต่อย่างน้อย การมีวัคซีนใช้ ก็ย่อมดีกว่าการไม่มีวัคซีนเลย
สำนักข่าวซินหัว ของทางการจีนรายงานว่า รัฐบาลกรุงปักกิ่งมีแผนจะแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ไปยังนานาประเทศให้ได้รวม 2,000 ล้านโดสภายในปีนี้ พร้อมแสดงความมั่นใจว่า แผนงานดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จตามเป้าได้อย่างแน่นอน โดยในเวลานี้ จีนได้ส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วราว 360 ล้านโดส
นอกจากนั้น จีนยังจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนของตนเองใน 15 ประเทศ ซึ่งจะช่วยส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งลดลงอย่างมาก
ส่วนสหรัฐ นั้น รัฐบาลกรุงวอชิงตันกำลังเร่งดำเนินแผนแจกจ่ายวัคซีนให้กับประเทศอื่น ๆ อยู่เช่นกัน โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สหรัฐเพิ่งสั่งซื้อวัคซีนจำนวน 500 ล้านโดส เพื่อส่งมอบให้กับโครงการโคแวกซ์ ของ WHO เพื่อแจกจ่ายไปยังประเทศรายได้ปานกลาง และรายได้ต่ำ และในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐ เพิ่งบริจาควัคซีนเป็นจำนวนรวมถึง 110 ล้านโดสให้กับประเทศอื่น ๆ
แต่ก็ยังมีองค์กรหลายแห่ง เช่น นิรโทษกรรมสากล ที่มองว่า สิ่งที่บรรดาประเทศตะวันตกกำลังทำอยู่นั้น ก็คือ “การกักตุน” วัคซีนเพื่อประชากรของตนเองเป็นหลักอยู่ดี
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นิรโทษกรรมสากล ออกแถลงการณ์ โจมตีข้อตกลงทวิภาคี ระหว่างประเทศร่ำรวยต่าง ๆ และบริษัทเวชภัณฑ์ผู้ผลิตวัคซีนทั้งหลาย โดยชี้ว่า แทนที่ประเทศเหล่านั้น จะทำตามภารผูกพันระหว่างประเทศของตน ด้วยการสั่งยกเว้นการบังคับใช้กฎด้านทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับวัคซีน การทดสอบ การรักษา และการแบ่งปันเทคโนโลยี ที่จะช่วยชีวิตผู้คนได้ ผู้นำกลุ่มประเทศจี-7 กลับเลือกที่จะดำเนินมาตรการแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ แทน
มีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน น่าจะออกประกาศในสัปดาห์หน้า ระหว่างเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อขอให้ประเทศต่างๆ ร่วมกันสนับสนุนด้านทรัพยากรเพื่อให้ประชากรโลกสัดส่วน 70% ได้รับวัคซีนโควิด-19 ภายในเดือนกันยายน ปีหน้า
WHO คำนวณว่า แผนการข้างต้นจะสำเร็จได้นั้น ต้องใช้วัคซีนราว 11,000 ล้านโดส ซึ่งหมายถึงความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติคอขวดในส่วนของการจัดหา
อัลเบิร์ต เบอร์ลา ซีอีโอไฟเซอร์ บริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำของสหรัฐ หนึ่งในผู้พัฒนาและผลิตวัคซีนโควิด-19 ระบุว่า บริษัท ยังคงเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อแจกจ่ายวัคซีนให้กับคนทั่วโลกอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและเท่าเทียมกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่ แม้ว่า จะประสบปัญหาต่าง ๆ ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการบรรจุ การแจกจ่าย และการจัดเก็บยาภายใต้อุณหภูมิเย็นจัดก็ตาม
นักวิเคราะห์และผู้สังเกตการณ์ในหลายประเทศที่ประสบวิกฤติโควิด-19 กล่าวว่า ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากโดยเฉพาะในพื้นที่ยากจนทั่วโลกที่รายงานตัวเลขผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้นอย่างมาก มีโอกาสได้รับวัคซีนของจีน ที่มีผลข้างเคียงต่ำ ที่หลายคนเชื่อว่า ทำให้อาการป่วยในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนแล้วนั้นไม่รุนแรงมากเท่าใด
เมื่อดูภาพรวมทั้งหมดในเวลานี้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ สวาทซ์เบิร์ก จากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย เบิร์คลีย มองว่า บันทึกประวัติศาสตร์โลกคงมองจีนไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ถ้าพิจารณาเรื่องของการที่รัฐบาลจีนไม่ค่อยจะเต็มใจที่จะเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับโควิด-19 แต่ขณะเดียวกัน โลกก็คงจารึกไว้ว่า จีนเป็นประเทศที่ผลิตวัคซีนได้เป็นจำนวนมากและแจกจ่ายให้คนทั่วโลกได้จริง ๆ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จีนฉีดวัคซีนเด็ก 12-17 ปีแล้ว 91% ‘หมอเฉลิมชัย’ แนะไทยเร่งฉีดเด็ก-ครู ควบคู่วิจัยความปลอดภัย
- อย่าด้อยค่า โดยไร้เหตุผล! สถานทูตจีนออกโรงป้อง ‘ซิโนแวค’ ไม่ใช่ ‘วัคซีนคุณภาพต่ำ’
- มาแล้ว! จีนพัฒนาชุดป้องกันเชื้อโรค ‘ติดแอร์’ บุคลากรการแพทย์