COVID-19

วิจัยชี้ ‘ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า’ เกิด ‘ภาวะลิ่มเลือด’ ยาก แต่ตายสูง

ผลวิจัยล่าสุดชี้  “ภาวะลิ่มเลือด” จากการ ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เกิดได้ยาก แต่ถ้าเกินแล้วมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 22%  

ผลวิจัยซึ่งเผยแพร่ใน วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ (NEJM) เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia syndrome หรือ TTS) ที่มีความเชื่อมโยงกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และแอสตร้าเซนเนก้า

ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เกิดภาวะลิ่มเลือดยาก แต่ตายสูง

งานวิจัยดังกล่าวดำเนินการ โดยคณะนักวิจัยจากสมาคมการแพทย์รัฐแมสซาชูเซตส์ โดยเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากจากผู้ป่วย 294 รายที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลของอังกฤษระหว่างวันที่ 22 มีนาคม-6 มิถุนายน

ในจำนวนนี้พบว่า มี 220 รายที่มีภาวะ TTS ที่เชื่อมโยงกับการได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า โดยมี 170 รายที่สามารถยืนยันได้แน่ชัด ในขณะที่ 50 รายมีความเป็นไปได้สูง

ผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวทุกราย ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าโดสแรก และเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการ TTS หลังจากฉีดวัคซีน 5-48 วัน ผลวิจัยระบุว่า ค่ากึ่งกลางของระยะเวลา ที่ผู้ป่วยได้รับวัคซีนจนถึงเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้นอยู่ที่ 14 วัน

นอกจากนี้ คณะผู้วิจัยยังระบุว่า แม้ภาวะ TTS ในผู้ที่ได้รับวัคซีน ของแอสตร้าเซนเนก้าจะเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่อัตราการเสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตัน อันเป็นผลมาจากวัคซีนโดยรวมนั้นอยู่ที่ 22%

ทั้งนี้ วัคซีน ของแอสตร้าเซนเนก้า เป็นหนึ่งในวัคซีนที่มีการใช้มากที่สุดในโลก โดยมีการใช้ฉีดให้กับประชาชนชาวอังกฤษ ตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยอังกฤษเป็นประเทศแรกที่ใช้วัคซีนดังกล่าว

ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo