COVID-19

‘แอสตร้าเซนเนก้า’ เปิดผลวิจัยล่าสุด ชี้ ปลอดภัยเทียบเท่าชนิด ‘mRNA’

“แอสตร้าเซนเนก้า” เปิดเผลวิจัยล่าสุด ระบุ วัคซีนป้องกันโควิดของบริษัท มีความปลอดภัย และประสิทธิภาพ เทียบเท่ากับวัคซีนชนิด “mRNA”

วันนี้ (29 ก.ค.) บริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลก “แอสตร้าเซนเนก้า” เปิดเผยผลวิจัยล่าสุด ที่แสดงให้เห็นว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนชนิด mRNA แสดงข้อมูลความปลอดภัยที่ดี และคล้ายกันจากการศึกษา ในระดับประชากรกว่าหนึ่งล้านคน

อุบัติการณ์ของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้ยากนั้นต่ำกว่า ที่พบในผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างมาก

แอสตร้าเซนเนก้า

จากการศึกษาข้อมูลการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่เผยแพร่ในฉบับก่อนตีพิมพ์ในวารสาร เดอะ แลนเซต จากกลุ่มประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคน เพื่อศึกษาอัตราการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันผิดปกติ และภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ(thrombocytopenia syndrome หรือ TTS) หลังการฉีดวัคซีนชนิด mRNA หรือวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า และเปรียบเทียบกับอัตราการเกิดภาวะดังกล่าว ในประชากรทั่วไป และในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด-19

ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนชนิด mRNA มีความคล้ายคลึงกัน และแสดงถึงประโยชน์โดยรวม

ทั้งนี้ มีการศึกษาการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้ยาก และภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (TTS) กับวัคซีนทั้งสองชนิด ซึ่งสอดคล้องกับอัตราที่คาดว่าจะเกิดภาวะนี้ในประชากรทั่วไป

อีกทั้งยังมีอัตราการเกิดภาวะ TTS ในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนต่ำกว่าผู้ติดเชื้อโควิด-191 ซึ่งระยะเวลาในการติดตามผลนั้น ไม่เพียงพอที่จะรายงานอัตราการเกิดภาวะTTS หลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าครบทั้ง 2 เข็ม แต่ยังคงมีการศึกษาอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าอัตราการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้ยากนั้น จะต่ำลงหลังจากการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2

จากการวิเคราะห์โดยไม่คำนึงถึงชนิดของวัคซีนที่ใช้ พบว่าอัตราการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ในผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 นั้น สูงกว่ากลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนมาก โดยอัตราของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ในหลอดเลือดดำ สูงกว่าอัตราที่คาดการณ์ไว้ถึงแปดเท่าหลังจากการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19

แอสตร้าเซนเนก้า

วัคซีน “แอสตร้าเซนเนก้า” มีประโยชน์ มากกว่าความเสี่ยง

เซอร์ เมเน แพนกาลอส รองประธานบริหารฝ่ายวิจัย และพัฒนาด้านยาชีวเภสัชภัณฑ์ (biopharmaceuticals) กล่าวว่า ข้อมูลจากการใช้จริงนี้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าว่า มีมากกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดอาการไม่พึงประสงค์ และสามารถช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดนี้ได้

การศึกษานี้วิเคราะห์จากผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิด mRNA จำนวน 945,941 ราย (ในจำนวนนี้มี 778,534 คน ได้รับวัคซีนครบทั้งสองเข็ม) ผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 426,272 ราย

โดยทำการศึกษาระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2563 ถึง 19 พฤษภาคม 2564 นอกจากนี้ยังศึกษากลุ่มผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 222,710 ราย ที่ระบุว่าติดเชื้อในระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2563 ถึง 1 มีนาคม 2564 และข้อมูลจากประชากรทั่วไป 4,570,149 คน ณ วันที่ 1 มกราคม 2017 จากฐานข้อมูลสาธารณสุขของแคว้นคาตาโลเนีย ประเทศสเปน

ผลการทดสอบนี้สอดคล้องกับรายงานล่าสุดจาก Yellow Card ซึ่งเป็นรายงานรวบรวม และบันทึกข้อมูลด้านความปลอดภัย ของหน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (MHRA) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งแสดงอัตราภาวะการเกิด TTS ในระดับต่ำหลังจากการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2  ทั้งไม่มีปัจจัยเสี่ยง หรือสาเหตุที่ชัดเจนสำหรับภาวะ TTS หลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

ทั้งนี้ แอสตร้าเซนเนก้ายังคงดำเนินการและสนับสนุนการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ในการศึกษาหาสาเหตุ และกลไกที่ทำให้เกิดภาวะนี้ โดยอาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้ยากมากเหล่านี้ สามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นได้ เมื่อมีการตรวจพบ และได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม

แอสตร้าเซนเนก้า

ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า หรือชื่อ Vaxzevria ในสหภาพยุโรป (เดิมเรียก AZD1222)  ถูกคิดค้น และพัฒนา ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และบริษัท วัคซีเทค ซึ่งก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด

วัคซีนดังกล่าวพัฒนาโดยการนำส่วนของสารพันธุกรรม ที่ใช้ในการถอดรหัสการสร้างหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ใส่ในโครงของอะดีโนไวรัสซึ่งก่อให้เกิดโรคไข้หวัดทั่วไปในลิงชิมแปนซี ที่ถูกทำให้อ่อนแรงลง และไม่สามารถแบ่งตัวได้

หลังจากฉีดวัคซีน เซลส์ในร่างกายมนุษย์จะตอบสนอง โดยการสร้างโปรตีนที่มีลักษณะเดียวกันกับหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา เพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในกรณีที่ได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายในภายหลัง

วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน ในกว่า 80 ประเทศ ครอบคลุม 6 ทวีปทั่วโลก โดยวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้ากว่า 800 ล้านโดส ได้ถูกส่งมอบให้แก่กว่า 170 ประเทศทั่วโลก ในจำนวนนี้ รวมถึงกว่า 100 ประเทศ ผ่านกลไกการจัดซื้อ และจัดสรรวัคซีนของโครงการโคแวกซ์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo