World News

‘ราคาน้ำมัน WTI’ พุ่งถึง 90 ดอลล์ ขานรับ ‘สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ’ ลดเกินคาด

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (2 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น พุ่งแรงเกือบ 2 ดอลลาร์ หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบ ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว บ่งชี้ถึงความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.63 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 90.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนมกราคม ราคาเพิ่มขึ้น 1.51 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 96.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมัน

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล

รายงานของอีไอเอ บอกด้วยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1 ล้านบาร์เรล

ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่า จีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งและจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันฟื้นตัวขึ้นด้วย โดยความคาดหวังดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีกระแสข่าวว่า ทางการจีนกำลังจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศ และกำลังทบทวนข้อมูลด้านโควิด-19 ในต่างประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์หากมีการเปิดประเทศ

ตลาดน้ำมัน พุ่งขึ้นสวนทางกับการปรับตัวลงของสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงหุ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% เป็นครั้งที่ 4 ในการประชุมเมื่อวานนี้ และนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่สูงมาก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo