World News

จับตาผลกระทบหนัก! ‘ไบเดน’ สั่งแบน ‘น้ำมันรัสเซีย’ หวั่นราคาพุ่งถึง 200 ดอลล์

หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศห้ามสหรัฐ นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรการลงโทษอย่างต่อเนื่อง จากการที่รัสเซียบุกยูเครน ซึ่งแนวทางของสหรัฐ ทำให้เกิดการวิเคราะห์ถึงผลทางเศรษฐกิจที่จะตามมา

วีโอเอ รายงานว่า เเต่ละประเทศพันธมิตรพึ่งพาน้ำมันจากรัสเซียในสัดส่วนที่เเตกต่างกัน ขณะนี้จึงเห็นว่า มีอังกฤษที่เปิดเผยว่า มีเเผนลดการซื้อน้ำมันจากรัสเซียเช่นกัน แต่ประเทศในยุโรปอื่น ๆ โดยเฉพาะเยอรมนี ซึ่งพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียในระดับสูง ยังคงไม่ใช้มาตรการเดียวกับสหรัฐในครั้งนี้

shutterstock 1701348403

สำหรับผลกระทบต่อรัสเซีย เฉพาะเรื่องการขายน้ำมันให้กับสหรัฐนั้น รายงานข่าวระบุว่า ปริมาณน้ำมัน และปิโตรเลียม ที่อเมริกาซื้อจากรัสเซีย คิดเป็นเพียง 8% จากการซื้อสินค้าดังกล่าวจากต่างประเทศทั้งหมดของสหรัฐเมื่อปีที่เเล้ว

นักวิเคราะห์มองว่า การโดนคว่ำบาตรข้างต้น อาจทำให้รัสเซียนำน้ำมันไปขายให้เเก่ประเทศอื่นเเทน เช่น จีน หรืออินเดีย เเต่รัสเซีย จะต้องขายยอมต่ำกว่าราคาตลาด เพราะมาตรการลงโทษหลายชุดที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ซื้อต้องการส่วนลดจากสินค้าปิโตรเลียมของรัสเซีย

ต่อคำถามที่ว่าอเมริกาจะซื้อน้ำมันจากแหล่งใดมาทดเเทน เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวเจน กล่าวว่า ตัวเเทนรัฐบาลสหรัฐ ได้หารือกับเวเนซุเอลา เรื่องความมั่นคงทางพลังงานเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

หากพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกาโดยรวม และในระดับโลก ราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายในตลาดต่างประเทศพุ่งสูงขึ้น ตั้งเเต่เริ่มมีข่าวว่าสหรัฐ กำลังพิจารณาห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียก่อนหน้านี้ โดยรัสเซีย เป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบอันดับ 2 ของโลกรองจากซาอุดีอาระเบีย

ราคาน้ำมัน

จับตาราคาน้ำมันหน้าปั๊มทะยานแรง

ราคาน้ำมันหน้าปั๊มเฉลี่ยในอเมริกากระโดดขึ้นสู่ราคาสูงสุดตั้งเเต่มีการเก็บข้อมูล คืออยู่ที่ 4.17 ดอลลาร์ต่อเเกลลอนเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.)  และราคาน้ำมันในการซื้อขายล่วงหน้า พุ่งสู่ระดับ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายราย ประเมินว่า ราคาน้ำมันโลกอาจพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ ซึ่งหมายความว่า จะทำให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มในอเมริกาอาจแพงกว่า 5 ดอลลาร์ต่อเเกลลอน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่รัฐบาลไบเดนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

วาณิชธนกิจชั้นนำของสหรัฐ “โกลด์แมน แซคส์” ประกาศปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มาอยู่ที่ 135 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับปี 2565 จากเดิมที่ประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และจะแตะระดับ 115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีหน้า จากเดิมที่มองว่า จะอยู่ในระดับ 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ส่วน บาร์เคลย์ส ชี้ว่า ในกรณีเลวร้ายที่สุด ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งไปถึง 200 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับ ไรสแต็ด เอนเนอร์ยี บริษัทที่ปรึกษาจากนอร์เวย์ ที่เชื่อว่า ราคาอาจไปถึงระดับดังกล่าวได้ ถ้ายุโรป และสหรัฐ พร้อมใจกันสั่งห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

นักวิเคราะห์มองด้วยว่า น้ำมันที่ราคาสู่ขึ้นจะยิ่งเร่งอัตราเงินเฟ้อ โดยมีการประเมินว่า ระดับเงินเฟ้อในสหรัฐ และยุโรป อาจจะพุ่งเกิน 7% ในอีกไม่กี่เดือนจากนี้

ราคาน้ำมัน

ธนาคารกลางยุโรปเตือนด้วยว่าสงครามที่เกิดขึ้นในยูเครนจะชะลอการเติบโตของกลุ่มยูโรโซน ประมาณ 0.3-0.4 % ในปีนี้ หรืออาจรุนเเรงถึง 1% หากเกิดความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจอย่างไม่คาดฝัน

ทางด้าน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประเมินว่า การที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นทุก ๆ 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจอเมริกาหายไป 0.1% แต่หากเป็นการคาดการณ์โดยบริษัทเอกชน ผลกระทบจะน้อยกว่าที่เฟดประเมิน

ถ้าพิจารณาถึงผลจากสงครามครั้งนี้โดยรวมต่อเศรษฐกิจรัสเซีย นักวิเคราะห์ของเจพี มอร์แกน  ชี้ว่า เศรษฐกิจรัสเซียจะหดตัวมากถึง 12.5%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo