คณะนักวิจัยของสหรัฐฯ เริ่มการทดลองทางคลินิกเพื่อทดสอบว่าหากประชากรวัยผู้ใหญ่ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ครบโดสแล้ว ฉีดวัคซีนกระตุ้นคนละตัวกัน จะก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันใดหรือไม่
สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐฯ (NIH) เผยว่าการทดลองดังกล่าวมุ่งตรวจสอบความปลอดภัยและการสร้างภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นแบบผสม
การทดลองครอบคลุมอาสาสมัครผู้ใหญ่ราว 150 คน ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสด้วยหนึ่งในสามวัคซีนที่ผ่านการรับรองในสหรัฐฯ ได้แก่ วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson & Johnson) โมเดอร์นา (Moderna) หรือไฟเซอร์ (Pfizer)
แต่ละกลุ่มวัคซีนมีผู้เข้าร่วมอายุ 18-55 ปี ประมาณ 25 คน และอายุ 56 ปีขึ้นไป ประมาณ 25 คน โดยหลังฉีดวัคซีนครบโดสเป็นเวลา 12 ถึง 20 สัปดาห์แล้ว พวกเขาจะได้รับวัคซีนกระตุ้นของโมเดอร์นา จำนวน 1 โดส
ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สามารถเข้าร่วมการทดลองแยกอีกกลุ่ม โดยอาสาสมัครเหล่านี้จะได้รับวัคซีนของโมเดอร์นา 2 โดสในขั้นต้น และจะได้รับวัคซีนกระตุ้นตัวอื่นอีก 1 โดส ราว 12 ถึง 20 สัปดาห์ถัดไป
คณะนักวิจัยจะทำการประเมินผู้เข้าร่วมเพื่อตรวจดูความปลอดภัยและผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน โดยผู้เข้าร่วมจะถูกร้องขอให้ส่งมอบตัวอย่างเลือดเป็นระยะ เพื่อประเมินการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ โดยคาดการณ์ว่าจะได้รับผลการทดลองขั้นต้นช่วงปลายฤดูร้อนปีนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
- วิจัยชี้ ฉีดวัคซีนโควิดผสม 2 เข็ม ‘แอสตร้าเซนเนก้า-ไฟเซอร์’ ผลข้างเคียงเพิ่ม
- คิกออฟวันนี้ ฉีดวัคซีน เรือนจำ ประเดิมผู้ต้องขัง เรือนจำสมุทรปราการ 6,515 คน
- ด่วน!! ‘ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์’ ปิดให้บริการวัคซีนเข็มแรก หลังไม่ได้รับจัดสรรวัคซีนหลักแล้ว