ผู้เชี่ยวชาญเตือน ธนาคารสหรัฐ อาจเผชิญคนแห่ถอนเงินฝากเพิ่ม หลังแบงก์ชาติเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ทั้งกระทรวงการคลัง ยืนยัน ไม่รับประกันเงินที่ฝากไว้ทั้งหมด
นายบิล แอคแมน มหาเศรษฐีนักลงทุน และผู้บริหาร เพอร์ชิง สแควร์ กองทุนบริหารความเสี่ยง แสดงความเห็นว่า ระบบธนาคารสหรัฐอาจต้องรับมือกับจำนวนคนที่มาถอนเงินฝากออกมากขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลจะไม่รับประกันเงินฝากธนาคารทั้งหมด
“เราหมดหวังเรื่องการที่จะให้รัฐบาลเข้ามาปกป้องผู้ฝากเงิน หลังจากรัฐมนตรีคลัง เจเน็ต เยลเลนแถลงว่า จะไม่มีการรับประกันเงินฝากธนาคารทั้งหมด ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยของเฟดก็พุ่งขึ้นแตะระดับ 5% แล้ว และไม่ต้องแปลกใจ ถ้าหากเราจะเห็นว่ามีเม็ดเงินฝากไหลออกจากธนาคารอย่างรวดเร็ว”
นายแอคแมน บอกด้วยว่า การคุ้มครองเงินฝากในระบบธนาคารแบบชั่วคราวถือเป็นสิ่งจำเป็น ที่จะช่วยสกัดการแห่ถอนเงิน ยิ่งความไม่แน่นอนเกิดขึ้นยาวนานเท่าใด ความเสียหายที่มีต่อธนาคารขนาดเล็ก ก็จะฝังรากลึกมากเท่านั้น และเป็นเรื่องยากที่ธนาคารเหล่านี้จะเรียกความเชื่อมั่นของลูกค้าให้กลับคืนมา
การแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้น หลังนางเยลเลนได้เข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการด้านบริการทางการเงินของสภาคองเกรสสหรัฐเมื่อวานนี้ (22 มี.ค.) ว่า บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (เอฟดีไอซี) ไม่ได้พิจารณาที่จะรับประกันเงินฝากธนาคารทั้งหมด หลังเกิดเหตุธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (SVB) และธนาคารซิกเนเจอร์ (SB) ล้มละลายในเดือนนี้
ขณะที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเฟด มีมติขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้เช่นกัน แม้ภาคธนาคารสหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์อันเนื่องมาจากการล้มละลายของธนาคาร SVB และ SB ก็ตาม
ความเคลื่อนไหวของนางเยลเลนได้สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน และเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังศึกษาแนวทางในการทำให้เอฟดีไอซี สามารถคุ้มครองเงินฝากได้ทั้ง 100% จากปัจจุบันที่ให้การคุ้มครองไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘แบงก์ชาติสหรัฐ’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรขาขึ้น
- นักเศรษฐศาสตร์ชี้ ‘พาวเวล’ ไม่หยุดขึ้นดอกเบี้ย จนกว่า ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ ถดถอย
- ‘เจพีมอร์แกน’ คาด ‘วิกฤติธนาคาร’ ทำ ‘เศรษฐกิจโลก’ เสี่ยงเจอภาวะ ‘Minsky Moment’