ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เหตุนักลงทุนยังกังวล “เฟด” เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 2.41 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 73.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนเมษายน ราคาลดลง 2.45 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 80.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ราคาที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 6 วันทำการ ถือเป็นเวลาที่ยาวนานที่สุด นับตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคมปีที่แล้ว เนื่องจากตลาดกังวลว่า การขึ้นดอกเบี้ยเป็นเวลานาน จะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย และทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลงด้วย
ล่าสุดรายงานหลังการประชุมเมื่อวันที่ 31 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดสนับสนุนให้เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เพื่อสกัดเงินเฟ้อ จนกว่าจะมั่นใจว่า อยู่ในทิศทางขาลง และแตะระดับเป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ S&P Global Commodity Insights คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 กุมภาพันธ์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เอสแอนด์พี โกลบอล’ คาด ‘ราคา น้ำมัน’ ปี 66 พุ่ง 121 ดอลลาร์ หากจีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ
- ‘โกลด์แมน แซคส์’ คาด ไตรมาส 3 ราคา น้ำมันพุ่ง 110 ดอลลาร์ อานิสงส์จีนเปิดประเทศ
- ‘ราคา น้ำมัน WTI’ พุ่งแตะ 77 ดอลล์ รับคาดการณ์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว หนุนดีมานด์