ที่ผ่านมา ไทย ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุด เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชีบตะวันออกเฉียงใต้ เคยเป็นจุดหมายปลายทาง ที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน
แต่ในระยะหลังมานี้ ปัจจัยหลายอย่าง รวมถึง ค่าแรงที่สูงขึ้น และภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมือง ทำให้ไทยสูญเสียความน่าสนใจในการเข้าลงทุนไปให้กับบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน ที่กำลังพัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และมีค่าแรงถูกกว่า หรือมีการพัฒนาไปมากกว่า
สิงคโปร์เบอร์ 1 ต่างชาติเข้าลงทุน
สิงคโปร์ เป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) เข้ามามากสุด โดยในปี 2563 ก่อนเกิดวิกฤติโควิดระบาดนั้น สิงคโปร์มีโครงการเอฟดีไอเจ้ามาใหม่ 303 โครงการ
อุตสาหกรรมหลักสำหรับการลงทุนในสิงคโปร์ ได้แก่ ICT การบินและอวกาศ อิเล็กทรอนิกส์ ยา และบริการระดับมืออาชีพ ทั้งสิงคโปร์ยังเป็นศูนย์กลางสำหรับกิจกรรมการผลิตขั้นสูง และเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไฮเทครายใหญ่อันดับ 4 ของโลก
โครงการที่โดดเด่นล่าสุด ได้แก่ โรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหม่ของ โกลบอลฟาวดรีส์ ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ และศูนย์นวัตกรรมระดับโลกแห่งใหม่ของฮุนได ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเกาหลีใต้
เวียดนาม ดาวเด่นดวงใหม่
เวียดนาม ผงาดมาเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุน ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน ด้วยโครงการที่ต่างชาติเข้าลงทุนโดยตรง (เอฟดีไอ) 132 โครงการในปี 2563 ลดลง 52% จากปี 2562 อุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ ได้แก่ การท่องเที่ยว อิเล็กทรอนิกส์ และบริการทางการเงิน
นอกจากนี้ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ยังเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญสูงสุดในประเทศ โดยในช่วงปลายปี 2563 เอ็กซอนโมบิลได้รับการอนุมัติให้พัฒนาโรงงานก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มูลค่า 5,090 ล้านดอลลาร์ ในเมืองท่าไฮฟอง ส่วน มิลลิเนียม จากสหรัฐ ก็กำลังเสนอที่จะพัฒนาโครงการ LNG มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ในจังหวัดคั้นห์หว่า
มาเลเซีย รั้งอันดับ 3
เมื่อปี 2563 มาเลเซีย มีเอฟดีไอเข้ามามากสุดเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน ด้วยจำนวน 100 โครงการ ลดลง 42% จากปี 2562 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ต่างชาติสนใจเข้าลงทุน ได้แก่ การท่องเที่ยว เทคโนโลยีสีเขียว และโลจิสติกส์
เมื่อเดือนมกราคม 2565 มาเลเซียยังได้รับเลือกให้เป็นประเทศที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับความน่าดึงดูดใจเอฟดีไอ ใน Global Opportunity Index ของสถาบันมิลเคน จากความพยายามในการอำนวยความสะดวกทางการค้า และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
ลาวนำหน้าพลังงานหมุนเวียน
แหล่งพลังงานหมุนเวียน คิดเป็นเกือบ 97% ของพลังงานผสมของลาวในปี 2562 โดยแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ คือไฟฟ้าพลังน้ำ รองลงมาคือพลังงานชีวภาพ
ลาวใช้กลยุทธ์การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในปี 2554 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถของพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จับตา ‘เศรษฐกิจโลก 2566’ ส่อเค้าย่ำแย่ ‘ยุโรป’ หนักสุด ‘เอเชีย’ ยังสดใส
- รบกันข้ามปี ‘สงครามยูเครน’ ปัจจัยหลักฉุดเศรษฐกิจโลกปี 2566
- ปัจจัยลบรุมเร้า เหตุ ‘การค้าโลก’ ส่อแววดิ่งแรงปี 2566