World News

จับตา ‘เศรษฐกิจโลก 2566’ ส่อเค้าย่ำแย่ ‘ยุโรป’ หนักสุด ‘เอเชีย’ ยังสดใส

ตลอดระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา “เศรษฐกิจโลก” อยู่ในสถานะที่เหมือนกับเป็นผู้ป่วยหนัก ที่อาการทรุดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุหลักมาจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้กิจกรรมต่าง ๆ  ทั่วโลก อยู่ในสภาพที่เกือบหยุดชะงัก

สถานการณ์แพร่ระบาด ที่เริ่มดีขึ้นมาเรื่อย ๆ  ในปี 2565 ทำให้หลายฝ่ายมีความหวังว่า ในปี 2566 เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่ความหวังนี้ ก็กลับมาริบหรี่ลงไปอย่างมาก เมื่อพิจารณาจากปัจจัยลบต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ถึงขั้นที่ สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (ไอไอเอฟ) ออกมาคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2566 มีแนวโน้มอ่อนแอลง เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2552 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤติการเงินโลก

คณะนักนักเศรษฐศาสตร์ไอไอเอฟ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพียง 1.2% ในปี 2566 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในปี 2552

เศรษฐกิจโลก

“ความรุนแรงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ทั่วโลกนั้น จะขึ้นอยู่กับแนวโน้มของสงครามในยูเครน สมมติฐานเบื้องต้นของเราก็คือ การสู้รบจะยืดเยื้อออกไปจนถึงปี 2567 เมื่อพิจารณาจากการที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ยังคงดึงดันที่จะเอาชนะในสงครามครั้งนี้”

ยุโรปชะลอตัวลงมากสุด

ไอไอเอฟ  ระบุว่า ผลกระทบของสงครามยูเครน จะส่งผลให้เศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปชะลอตัวลงมากสุด เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก โดยคาดว่า เศรษฐกิจยูโรโซน จะหดตัวลง 2% หลังจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และภาคธุรกิจทรุดตัวลงอย่างมาก

ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรป ประเมินว่า เศรษฐกิจของยุโรป จะขยายตัวเพียง 0.3% ส่วนซิตี้ โกลบอล เวลธ์ อินเวสต์เมนต์ คาดว่า จะติดลบ 0.5% มากกว่าที่มอร์แกน สแตนลีย์ บอกไว้ว่า จะติดลบ 0.2%

นักเศรษฐศาสตร์ จากหลายสำนัก ที่ตอบแบบสำรวจความเห็นของไฟแนนเชียล ไทมส์ เห็นพ้องกันว่า 19 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ที่ใช้เงินยูโรนั้น จะต้องเผชิญกับช่วงเวลาอันยากลำบากในปี 2566 จากการที่อัตราเงินเฟ้อ จ่อที่จะทะยานสูงขึ้น และสถานการณ์ว่างงานย่ำแย่หนักขึ้น ผลจากราคาพลังงานที่พุ่งสูง

นอกจากนี้ ยังมองเห็นความเป็นไปได้ ที่จีดีพีกลุ่มยูโรโซน จะหดตัวต่อไปในปีนี้ ทั้งสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่นี้ จะทำให้มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ลดลง โดยราคาบ้านที่อยู่อาศัยจะลดลง 4.7% หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)ขึ้นดอกเบี้ย 2.5% เมื่อปีที่แล้ว และส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอีกในอนาคต

เศรษฐกิจโลก

เศรษฐกิจสหรัฐโตแค่ 1% 

ไอไอเอฟ ยังมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียงแค่ 1% ในปีนี้ โดยที่ “เงินเฟ้อ” ยังเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดทิศทางการเติบโต สอดคล้องกับที่ โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจชั้นนำของสหรัฐ ประเมินว่า ในปี 2566 จีดีพีสหรัฐ จะขยายตัวราว 1.1%

นักเศรษฐศาสตร์โกลด์แมน แซคส์ ชี้ว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงภาวะตลาดการเงินที่ตึงตัวต่อเนื่อง สะท้อนถึงภาวะการขยายตัว และการจ้างงานมีแนวโน้มแย่ลงในปีนี้ ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะลดความร้อนแรงของค่าจ้าง และเงินเฟ้อที่สูงในรอบกว่า 40 ปี

เอเชียยังสดใส จีนยังเป็นแกนนำ

นอกจากนี้ ไอไอเอฟ ระบุว่า จีนจะเป็นแรงขับเคลื่อนเดียว และเป็นแรงขับเคลื่อนใหญ่ที่สุด ที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกในปี 2566 เนื่องจากรัฐบาลจีนมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ต่อไป

ส่วนซิตี้ กรุ๊ป สถาบันการเงินแถวหน้าของสหรัฐ ชี้วา ภาพรวมของเศรษฐกิจเอเชียในปีนี้ เป็นไปในทิศทางบวก จากการสิ้นสุดของการปรับนโยบายการเงินในหลายประเทศ รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ ทั้งการเปิดประเทศของจีน ก็จะช่วยหนุนการเติบโตของภูมิภาค

เศรษฐกิจโลก

โดยคาดว่า ในปีนี้ จีดีพีของเอเชีย จะเติบโตราว 4.4% เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากระดับคาดการณ์ 3.5% ในปี 2565 แม้มีปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดความเปราะบาง อาทิ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐ หรือการพุ่งขึ้นของราคาสินค้า

เศรษฐกิจเอเชีย ยังอาจได้แรงหนุน จากอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2566 ซึ่งจะช่วยลดความกดดันของธนาคารกลางในแต่ละประเทศ ส่วนการเปิดประเทศจีน แม้ไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจภายในภูมิภาค แต่อาจทำให้สถานการณ์เงินเฟ้อในประเทศเศรษฐกิจอาเซียนอย่างสิงคโปร์ เวียดนาม และไทย กินระยะเวลานานขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo