เมื่อเข้าสู่การประกาศผลประกอบการงวดครึ่งแรกของปี สิ่งที่ตามมาก็คือการจ่ายปันผลระหว่างกาล ซึ่งเป็นเงินปันผลที่บอร์ดบริษัทมีมติจ่ายในระหว่างรอบปีบัญชี โดยพิจารณาจากกำไรหรือกำไรสะสม แต่ถ้าบริษัทมีขาดทุนสะสมก็จะไม่สามารถจ่ายปันผลได้ตามกฏหมาย ทั้งนี้ บริษัทส่วนใหญ่จะขึ้นเครื่องหมาย XD ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายนของทุกปี
วันนี้เราจึงได้รวบรวมหุ้นปันผลระหว่างกาลของปี 2565 ที่โดดเด่น โดยดูจาก 2 หลักเกณฑ์ของหุ้นใน Yuanta Universe จากนักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ได้แก่
1. คัดเลือกหุ้นที่คาดการณ์ผลตอบแทนปันผลครึ่งปีแรก 2565 เกิน 1.5%
2. แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/65 เติบโตดีต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าหุ้นที่เข้าหลักเกณฑ์นี้ ราคาจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดในครึ่งหลังของปีได้แก่
1. TCAP หรือ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยบวก : ส่วนแบ่งกำไรจากธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) และ เอ็ม บี เค (MBK) ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทย่อยอื่นๆ จะมีผลการดำเนินงานฟื้นตัว
2. BANPU หรือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยบวก : จากการควบรวมดีล M&A ผลขาดทุนป้องกันความเสี่ยงที่ลดลง และราคาถ่านหินปรับตัวขึ้น ทำให้มีการปรับสัญญาราคาถ่านหิน
3. LH หรือ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยบวก : มีการเติบโตจากการเปิดตัวโครงการใหม่และการโอนคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่ จำนวน 1 โครงการ
4. RATCH หรือ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยบวก : มีการเติบโตจากการกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ และการที่โรงไฟฟ้าหงสาไม่มีการปิดซ่อมบำรุงเหมือนในช่วงไตรมาส 3/64
5. SPALI หรือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยบวก : เป็นการเติบโตจากการโอน Backlog โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ และโครงการแนวราบที่หนาแน่น
6. AH หรือ บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยบวก : สามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้น จากกลุ่มธุรกิจที่ประเทศมาเลเซีย โปรตุเกส รวมถึงธุรกิจชิ้นส่วนในไทย
7. AJ หรือ บริษัท เอ.เจ.พลาสท์ จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยบวก : เติบโตจากไตรมาสที่ผ่านมา จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน เพราะฐานที่ต่ำในปีก่อน
8. KKP หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยบวก : กำไรเติบโตจากแรงหนุนของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ที่ดีต่อเนื่อง รวมถึงรายได้จากตลาดทุนจะฟื้นตัวตามภาวะตลาด
9. INTUCH หรือ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยบวก : ได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานของบริษัทลูกที่ดีขึ้น
10. BBL หรือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยบวก : ผลการดำเนินงานดีขึ้น จากการตั้งสำรองลดลง และคาดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับลดลง เพราะค่าใช้จ่ายด้าน IT ที่ต่ำลง ส่วนสินเชื่อยังเติบโตได้ดี เพราะเน้นขยายในกลุ่มบริษัทใหญ่
11. ORI หรือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยบวก : เข้าสู่ช่วงการโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นการ Joint Venture ขนาดใหญ่หลายโครงการ
ทั้งนี้ สถิติบอกว่าราคาหุ้นมักปรับตัวขึ้นก่อนวัน XD โดยถ้านักลงทุนซื้อหุ้นในวันก่อนหน้า XD เป็นเวลา 5 วันทำการ จะได้ผลตอบแทน 0.8% ถ้าซื้อวันก่อนหน้า XD เป็นเวลา 10 วันทำการ จะได้ผลตอบแทน 1.8% และถ้าซื้อวันก่อนหน้า XD เป็นเวลา 15 วัน จะได้ผลตอบแทน 2.2% หรือคิดเป็นผลตอบแทนเฉลียที่ 0.7% ต่อสัปดาห์ ส่วนกรณีถือหุ้นต่อเนื่องหลังจากขึ้น XD ไปแล้ว จะไม่พบความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจแปลความได้ว่า ราคาหุ้นจะกลับไปเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัท
มีข้อสังเกตเพิ่มเติม นั่นคือ พฤติกรรมของราคาหุ้น ณ วัน XD มักคล้ายกัน คือถ้าราคาหุ้นของบริษัทที่ขึ้น XD ช่วงแรก ลงน้อยกว่าปันผล แบบนี้จะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบเซ่นนี้ไปทั้ง Season นอกจากนี้ ราคาหุ้นที่ลงน้อยกว่าปันผล มักสะท้อนจิตวิทยาการลงทุนที่เป็นบวกต่อ SET Index ทำให้ SET Index มักปรับตัวขึ้นได้ดีหลังจบ Dividend Season
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘CK’ หุ้นได้ประโยชน์ ราคาโลหะขาลง!!
- เคาะหุ้นเด่นเดือนส.ค. 65 จังหวะเข้าลงทุนช่วงตลาดอ่อนตัว
- หุ้นธนาคารครึ่งแรกปี 2565 ‘KBANK-SCB’ ท็อปกำไรสูงสุด
