Stock

เคาะหุ้นเด่นเดือนส.ค. 65 จังหวะเข้าลงทุนช่วงตลาดอ่อนตัว

ตลาดหุ้นไทยเดินทางเข้าสู่เดือนสิงหาคม ท่ามกลางแรงกดดันมากมายจากอัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนวัตถุดิบการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งช่วงเวลานี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของหุ้นไทย เพราะเราจะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น หลังการรายงานผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 เสร็จสิ้น

หุ้นเด่นเดือนสิงหาคม 65 1 e1659543086485

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ได้ออกบทวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ เกี่ยวกับสถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยให้แนวรับสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,520 – 1,540 จุด และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,600 – 1,610 จุด พร้อมแนะนำหุ้นเด่นประจำเดือนสิงหาคม 2565 ที่น่าลงทุน ประกอบไปด้วย

1. หุ้น BANPU หรือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)

2. หุ้น CK หรือ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)

3. หุ้น COM7 บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน)

4. หุ้น EGCO หรือ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)

หุ้นเด่นน่าลงทุนประจำเดือนสิงหาคม 2565@300x 100

5. หุ้น KKP หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

6. หุ้น RCL หรือ บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน)

7. หุ้น SMPC หรือ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน)

 

หุ้นเด่นน่าลงทุนประจำเดือนสิงหาคม 2565 2@300x 100

แนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยหาจังหวะเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดอ่อนตัว ซึ่งหุ้นแนะนำข้างต้นเน้นหุ้นที่คาดการณ์ว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/65 จะออกมาดี และสามารถจ่ายเงินปันผลประจำช่วงครึ่งปีแรกได้อย่างโดดเด่น

อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ต้นปีดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปรับตัวลงราว -6% ถึงแม้ระดับการประเมินมูลค่าหุ้นไทยในปัจจุบันถือว่ากลับมาน่าสนใจ โดยค่าเฉลี่ยอัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้าในช่วง 12 เดือนข้างหน้าปรับตัวลงจาก 16 – 17 เท่าในช่วงก่อนหน้านี้ มาอยู่ที่ระดับ 15 เท่า

แต่ประมาณการกำไรของตลาดโดยรวม (Bloomberg Consensus) ของตลาดหุ้นไทยปี 2565 และปี 2566 ที่ถูกปรับขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี ดูจะไม่สอดคล้องกับความเสี่ยงเศรษฐกิจที่มีโอกาสสูงในการเผชิญภาวะถดถอยในระยะข้างหน้า โดยคาดการณ์กำไรปี 2565 อยู่ที่ 98.2 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 6% จากต้นปี และปี 2566 อยู่ที่ 107.4 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2% จากต้นปี

ดังนั้นต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่าทิศทางกำไรสุทธิของตลาดโดยรวม (SET EPS) จะถูกปรับลดลงหรือไม่ โดย SET EPS ที่ถูกปรับลงทุกๆ 1% จะคิดเป็นโอกาสปรับลดลง (Downside) ของ SET Index ราว 15-16 จุด

ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตได้ดี เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนและช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่

กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน และหุ้นโรงกลั่นที่มีกำไรเติบโตก้าวกระโดด เพราะได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นที่เพิ่มสูงขึ้น

ถัดมาคือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD) ที่คาดว่าจะพลิกมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งหุ้นส่งออกอาหารและเครื่องดื่ม ก็จะมีกำไรเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะได้ประโยชน์จากความต้องการที่แข็งแกร่งในต่างประเทศและค่าเงินบาทอ่อน

สุดท้ายคือ กลุ่มบริการรับเหมาก่อสร้าง (CONS) เนื่องจากการรับรู้รายได้ของงานในมือ (Backlog) ที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังมีการทยอยเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ

ด้าน กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ (TANSR) และการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) คาดว่ายังมีผลขาดทุนอยู่ โดยหุ้นสายการบินถูกกดดันจากจำนวนผู้โดยสารแม้ฟื้นตัวขึ้น แต่ยังห่างไกลก่อนช่วงระบาด COVID-19 และต้นทุนราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ส่วนหุ้นโรงแรมจะยังมีผลขาดทุนอยู่ในไตรมาสนี้ แต่ค่อยๆ น้อยลง และคาดว่าจะพลิกกลับมาทำกำไรได้ในช่วงครึ่งปีหลังจากการท่องเที่ยวที่เร่งตัวขึ้นทั้งการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศจากภาครัฐ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน