Stock

‘AOT’ กลับมาบินสูง มูลค่าหุ้นทะยานสู่ 1 ล้านล้านบาท

AOT กลับมาบินสูง มูลค่าหุ้นทะยานสู่ 1 ล้านล้านบาท หลังจากที่เคยขึ้นไปยืนอยู่ระดับนี้ได้ช่วงปี 2562 จนถึงต้นปี 2563 ทำให้ล่าสุดขึ้นแท่น บริษัทที่มี Market Cap. สูงสุดในตลาดหุ้นไทย

หุ้น AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กลับมามีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) มากกว่า 1 ล้านล้านบาทอีกครั้ง หลังจากที่เคยขึ้นไปยืนอยู่ระดับนี้ได้ในช่วงปี 2562 จนถึงต้นปี 2563 ทำให้ล่าสุดขึ้นแท่น บริษัทที่มีมูลค่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) สูงสุดในตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,014,285 ล้านบาท (ข้อมูล ณ ต้นเดือนกรกฎาคม 2565)

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น AOT สามารถวิ่งสวนกระแสตลาด นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาหุ้น AOT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.57% และในรอบ 1 ปี ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.51% ท่ามกลางตลาดหุ้นไทยและทั่วโลกที่ผันผวน ขณะที่หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบินต่างก็ยังอ่อนแอตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิด-19

ชี้ให้เห็นว่าแม้ผลประกอบการที่ทรุดหนักมาอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนหวั่นไหวต่อการเทขายหุ้น AOT แต่กลับมีการทยอยเก็บของเพิ่มเติมด้วยซ้ำ เพื่อรอคอยการกลับมาของธุรกิจท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ เพราะเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย AOT จะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ

AOT

งบการเงินปี 2564 (ต.ค. 2563 – ก.ย. 2564) บริษัทมีรายได้รวม 7,715 ล้านบาท ลดลง 76.71% จากงวดปีก่อนที่มีรายได้ 33,129 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 16,322 ล้านบาท ในส่วนของงบไตรมาสล่าสุด (ม.ค.-มี.ค. 2565) มีรายได้ 3,145 ล้านบาท และขาดทุน 3,276 ล้านบาท นับเป็นการขาดทุน 8 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว!

ทว่าสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น AOT สามารถยืนระยะได้อย่างแข็งแกร่ง สวนกระแสผลการดำเนินธุรกิจที่ขาดทุนหนัก เป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อพื้นฐานธุรกิจของบริษัทอย่างมาก แม้ขณะนี้การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเต็มรูปแบบ แต่ราคาหุ้นก็วิ่งไปรอปัจจัยบวกในอนาคตเป็นที่เรียบร้อย

ขณะที่ความเห็นของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงคำแนะนำ ”ซื้อ” หุ้น AOT จากปัจจัยบวกที่จะเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคมนี้ และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะทยอยพุ่งสูงขึ้นจนพีคสุดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เบื้องต้นประเมินว่าสิ้นปี 2565 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 8 – 9 ล้านคน และเพิ่มเป็น 22 – 25 ล้านคน ในปี 2566 และขยับสู่ระดับ 40 ล้านคนในปี 2567 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดโควิด-19

AOT
ภาพ: เพจSuvarnabhumi Airport

ด้วยศักยภาพของ AOT ที่ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานของประเทศไทยในความรับผิดชอบ 6 แห่ง คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ จึงมีความพร้อมอยู่แล้วเมื่อมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมา และจะเปลี่ยนจากผลขาดทุนให้กลายเป็นกำไรได้ทันที

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า ที่ผ่านมาราคาหุ้นตอบรับต่อประเด็นลบต่างๆ ไปหมดแล้ว และมองว่าการปรับโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นในครึ่งปีหลัง จะช่วยเร่งการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวต่างชาติให้แตะระดับ 3 ล้านคนในไตรมาส 4/65 และด้วย AOT มีรายได้ค่าบริการผู้โดยสารขาออก 700 บาทต่อครั้ง เทียบกับภายในประเทศเพียง 100 บาท ทำให้การฟื้นตัวของผู้โดยสารระหว่างประเทศเป็นปัจจัยหลักในการสร้างรายได้

AOT
ภาพ: เพจSuvarnabhumi Airport

ดังนั้น จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 80 บาท โดยยกให้ AOT เป็นหุ้น Top Pick เนื่องจากเป็นผู้รับประโยชน์หลักจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย

สุดท้ายนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นหุ้นระดับ Blue Ship ที่แข็งแกร่งมากทีเดียวสำหรับ AOT เพราะการเป็นเจ้าของสนามบินหลักในไทยที่ธุรกิจอื่นๆ เข้ามาแข่งขันได้ลำบากมาก และทุกคนทราบดีว่าภาคการท่องเที่ยวคือเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทย เพราะฉะนั้น เมื่อทุกอย่างฟื้นตัวกลับมาในอนาคต หุ้น AOT ก็เลยยังมีสเน่ห์ที่ใครๆ ก็อยากถือไว้ต่อไป

AOT
ภาพ: เพจSuvarnabhumi Airport

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน