Finance

เปิดมุมมองนักวิเคราะห์ โอกาสลงทุน ‘KBANK-SCB’

เปิดมุมมองนักวิเคราะห์ โอกาสลงทุนหุ้นแบงก์ใหญ่ “KBANK- SCB” น่าสนใจแค่ไหน?

หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศผลกำไรไตรมาสงวดไตรมาส 1 ปี 2567 ออกมาครบแล้ว โดยธนาคารพาณิชย์ 10 แห่งในตลาดหลักทรัพย์ฯ กวาดกำไรรวมกัน 63,509.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เนื่องจากยอดสินเชื่อที่เติบโตแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ธนาคารที่มีกำไรสุทธิมากที่สุด 2 อันดับแรก ยังคงเป็น KBANK หรือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีกำไรสุทธิ 13,485 ล้านบาท และ SCB หรือ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ที่มีกำไรสุทธิ 11,281 ล้านบาท

แบงก์ใหญ่ น่าสนใจแค่ไหน?

เพราะฉะนั้น วันนี้เราจะมาดูบทวิเคราะห์การลงทุนจาก บล. เอเอสแอล (ASL Securities) ที่มีมุมมองการลงทุนหลังการประกาศงบของ 2 หุ้นแบงก์ยักษ์ใหญ่ทั้ง KBANK และ SCB

แบงก์ใหญ่

แบงก์ใหญ่ KBANK คุณภาพสินทรัพย์จะกำหนดทิศทางราคาหุ้น

สรุปกำไรไตรมาส 1/2567 KBANK +43.65% QoQ และ +25.55% YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ 9% มาจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงและการตั้งสำรองที่ต่ำกว่าคาด ส่วนรายได้หลักจากดอกเบี้ยชะลอตัวลงจาก NIM ที่ลดลง แต่รายได้ค่าธรรมเนียมดีขึ้น

มุมมองหลังประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหาร KBANK คาดว่า GDP ไทยปีนี้จะเติบโต 2.8% และจะเริ่มเห็นแบงก์ชาติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้ง ราว 0.5% คาดว่าจะเริ่มเห็นครั้งแรกในเดือนสิงหาคมนี้ จึงยังคงเป้าหมาย NIM ใกล้เคียงจากปี 2566 ที่ 3.66% Loan growth 3-5% Credit cost 1.75-1.95% และ NPLs ratio ไม่เกิน 3.25%

ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายหนึ่ง ธนาคารได้จัดชั้นลูกหนี้สู่ stage 2 แต่ตั้งสำรองไปพอสมควรแล้ว แม้ยังไม่ครบ 100% ด้านภาพรวมยังไม่ค่อยกังวลกับคุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK มากนัก และเชื่อว่าผลของการจัดการ balance sheet จะเริ่มเห็นผลชัดเจนในปลายปี 2567 เป็นต้นไป สะท้อนผ่าน credit cost ที่จะปรับตัวลงสู่ระดับ normalize ที่ 1.45-1.60%

แบงก์ใหญ่

 

ให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น KBANK ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 142 บาทต่อหุ้น โดยเชื่อว่าตลาดรอการพิสูจน์ตัวเองของ KBANK โดยเฉพาะคุณภาพสินทรัพย์ที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของราคาหุ้นในระยะถัดไป หากแนวโน้มคุณภาพหนี้ออกมาในทิศทางบวก มองว่าตลาดจะตอบรับและจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวขึ้น พร้อมคาดหวังรับ Dividend yield สูงกว่าปีละ 5% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

SCB หุ้นปันผลโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคาร

สรุปกำไรไตรมาส 1/2567 SCB +2.6% QoQ และ +2.6% YoY เป็นไปตาม Consensus คาดการณ์ไว้ หนุนด้วยกำไรที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยซึ่งเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่ลดลง ส่วนรายได้ดอกเบี้ยหดตัวลง ผ่าน NIM ที่ลดลง จากการ repricing ของต้นทุนเงินฝาก และการตั้งสำรองที่สูงขึ้น

มุมมองหลังประชุมนักวิเคราะห์ SCB ได้ประเมิน GDP ปีนี้ +2.7% และคาดว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 2.0% ในปีนี้ รวมทั้งยังคงประมาณการเป้าหมาย Loan growth 3-5%, NIM 3.7-3.9% และ Credit cost 1.6-1.8%

แบงก์ใหญ่

สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ITD ผู้บริหารเปิดเผยว่าได้ตั้งสำรองฯ ไว้แล้ว 75% ซึ่งกระทบต่อผลประกอบการค่อนข้างจำกัด ขณะที่คุณภาพลูกหนี้ในพอร์ต CardX บริษัทก็ยืนยันว่า NPL formation ดีขึ้น หากเป็นการจัดการเป็นไปในทางบวกอาจเห็นสินเชื่อในพอร์ต CardX กลับมาเติบโตและจะส่งผลต่อรายได้ที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อมากขึ้น

ให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SCB ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 120 บาทต่อหุ้น โดยปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 115.50 บาทต่อหุ้น โดดเด่นด้วยแนวโน้มการจ่ายปันผลดีขึ้น คาดหวัง Dividend yield สูงกว่า 10% ในช่วง 2567-2569 รวมถึงยังได้อานิสงส์จากแนวโน้ม NIM ที่ยังทรงตัวในระดับสูง ตลอดจนมีมุมมองในทางบวกต่อการฟื้นตัวของรายได้ค่าธรรมเนียม และแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ที่อาจดีขึ้นหลังการปรับเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อของ CardX

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน