ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (9 ธ.ค.) เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ หลังจากที่ทะยานขึ้นมา 3 วันติดต่อกัน โดยนักลงทุนยังจับตาชข้อมูลเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อประเมินถึงการตัดสินใจด้านนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 35,725.01 จุด ขยับลงมา 29.74 จุด หรือ 0.08% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,692.13 จุด ลดลง 9.08 จุด หรือ 0.19% และดัชนีแนสแด็กที่ 15,710.69 จุด ลบ 76.30 จุด หรือ 0.48%
ถึงแม้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันนี้ แต่ตลาดยังได้ปัจจัยบวก หลังสหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงมาอยู่ที่ 184,000 ราย ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 211,000 ราย
นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และหากสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดาวโจนส์พุ่งขึ้นรวมแล้วเกือบ 1,200 จุดในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน โดยผู้เชี่ยวชาญต่างคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะพุ่งขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในวันพรุ่งนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ล่าสุด ร่วงลงสู่ระดับ 1.489% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 1.859%
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางขนาดใหญ่ 3 แห่งของโลกในสัปดาห์หน้า โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 14-15 ธันวาคม ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะประชุมพร้อมกันในวันที่ 16 ธันวาคม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โอไมครอน! ฉุดดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนร่วง 19.9% แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง
- สำรวจ ‘หุ้นส่งออก’ เงินบาทอ่อนค่า กำไรโตแค่ไหน?
- นักเศรษฐศาสตร์ชี้ ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ ฟื้นตัวช้า เซ่นพิษ ‘เดลตา’ ระบาดหนัก
