“CK-CKP” ปีที่ดีทั้งแม่และลูก งานแน่น ฝนหนา พร้อม คำแนะนำลงทุน และมูลค่าที่เหมาะสม
CK หรือ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) กับ CKP หรือ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นอีกหนึ่งหุ้นแม่ลูกในตลาดหุ้นไทย ที่นักลงทุนจำนวนให้ความสนใจ และเริ่มกลับมาอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว
ความเคลื่อนไหวในรอบ 1 ปีของหุ้น CK ซึ่งประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.92% และตั้งแต่ต้นปีก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.32% ปัจจุบันราคาหุ้น ณ วันที่ 19 มีนาคม 2567 อยู่ที่ 23.70 บาทต่อหุ้น ด้วยมูลค่า Market Cap. 40,653 ล้านบาท
ความเคลื่อนไหวในรอบ 1 ปีของหุ้น CKP ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.51% และตั้งแต่ต้นปีก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.26% ปัจจุบันราคาหุ้น ณ วันที่ 19 มีนาคม 2567 อยู่ที่ 3.94 บาทต่อหุ้น ด้วยมูลค่า Market Cap. 32,354 ล้านบาท
CK ตุน Backlog แน่น 130,000 ล้านบาท
บทวิเคราะห์ บล. พาย มองว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของ CK ต่อเนื่องอีกปี เนื่องจากผลดีของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งมีปริมาณงานในมือ (Backlog) อยู่กว่า 130,000 ล้านบาท แบ่งเป็น งานเขื่อนหลวงพระบาง, รถไฟฟ้าทางคู่เด่นชัย-เชียงของ และรถไฟฟ้าสายสีม่วงตอนใต้ โดย 3 โครงการนี้ คิดเป็น 87% ของมูลค่างานทั้งหมด
พร้อมทั้งยังได้รับอานิสงส์จากผลประกอบการของบริษัทลูกอย่าง BEM หรือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ล่าสุดมีจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 10% YoY ในช่วง 2 เดือนแรกของปี
นอกจากนี้ ปัจจัยหนุนอีกประการคือคาดว่าปี 2567 จะมีงานขนาดใหญ่ออกมาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางคู่ ขอนแก่น-หนองคาย มุลค่าประมาณ 28,000 ล้านบาท หรืองานของบริษัทร่วมอย่างรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตกที่รอเซ็นสัญญา มูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท ตลอดจนงานทางด่วน Double Deck มูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท เป็นต้น ทั้งนี้ หากมีการเซ็นสัญญาเพิ่มเติม จะช่วยหนุนให้รายได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า รักษาระดับสูงต่อไปได้
CKP ปริมาณฝนดีขึ้น จากภาวะลานีญา
ด้านหุ้นลูกอย่าง CKP จะเป็นปีที่กลับมาโดดเด่นเช่นกัน เนื่องจากปีนี้จะไม่แร้งเท่าปี 2566 แล้ว โดยประเมินว่าปริมาณน้ำฝนจะดีขึ้น และเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 หลังมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดปรากฏการณ์ลานีญาในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
โดยบทวิเคราะห์ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองว่าโครงการหลวงพระบางจะช่วยหนุนการเติบโตระยะยาวให้กับ CKP ซึ่งคาดว่าจะสร้างกำไรส่วนเพิ่มจำนวนมากเมื่อก่อสร้างเสร็จในปี 2573 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ในลาว รูปแบบน้ำไหลผ่านตลอดปี ขนาด 1,460 MW (730 MWe) มีสัญญาสัมปทานกับรัฐบาลลาว โดยมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าทั้งหมด 35 ปี อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 2.403 บาทต่อหน่วย
คำแนะนำลงทุน และมูลค่าที่เหมาะสม
เพราะฉะนั้น บล. พาย จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ หุ้น CK ด้วยราคาเหมาะสมที่ 27.4 บาทต่อหุ้น จากแนวโน้มผลประกอบการที่ดี ทำให้ได้ปรับประมาณการรายได้ขึ้น 3% มาอยู่ที่ 37,447 ล้านบาท และปรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนขึ้น 29% เป็น 1,859 ล้านบาท พร้อมประเมินกำไรสุทธิใหม่ได้ที่ 1,759 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 6%
ขณะที่คำแนะนำหุ้น CKP ทาง บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.86 บาทต่อหุ้น เนื่องจากมองว่ากำไรที่กลับมาเติบโต และความคืบหน้าของโครงการหลวงพระบาง จะช่วยหนุนราคาหุ้นของบริษัท
แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้น CKP ปรับขึ้นดีจน Outperform ทั้ง SET และกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่อย่างไรก็ดี มองว่ายังคงมีประเด็นบวกหนุนจากกำไรที่กลับมาเติบโตในปีนี้และความคืบหน้าของโครงการหลวงพระบาง อีกทั้งแนวโน้มกำไรที่จะเพิ่มขึ้นในแต่ละไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 1/2567 จนถึงจุดสูงสุดในไตรมาส 3/2567 ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนคาดจะช่วยสนับสนุนราคาหุ้นต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘CKPower’ แชร์ประสบการณ์ความสำเร็จ การออก ‘หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม’
- ‘CKPower’ ทำกำไรไตรมาส 3/66 ที่ 1.02 พันล้าน ติดหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับสูงสุด AAA
- ปริมาณน้ำฝนเพิ่ม หนุน ‘CKPower’ ฟื้นตัว
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg
