Stock

ประสานเสียงเชียร์ ‘ซื้อ’ CK รายได้ก่อสร้างเต็มมือ ลุ้นโตต่อการเมืองชัดเจน

ประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” CK รายได้ก่อสร้างเต็มมือ ลุ้นโตต่อการเมืองชัดเจน

บริษัท ช.การช่าง จำกัด  (มหาชน) หรือ CK กำลังอยู่ในจุดที่น่าสนใจ โดยมีสัญญาณเป็นขาขึ้น หลังจากที่ราคาหุ้นลงลึกเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ก่อนที่จะทยอยพลิกฟื้นได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สำหรับความเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นปี (Year to Date ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2566) หุ้น CK ปรับตัวลดลง 7.11%

ถามว่าทำไมจังหวะนี้ CK ถึงน่าสนใจ และมีโอกาสวิ่งเป็นแนวโน้มขาขึ้นยาวๆ ประการแรก คือผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ออกมาดี บริษัทมีรายได้ก่อสร้าง 18,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 704 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 283% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สาเหตุที่กำไรดีทะลักแบบนี้ เป็นผลมาจากความคืบหน้าของโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง, โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร, โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงด้านใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ, โครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ที่เข้าสู่ช่วงของเนื้องานหลักทำให้รับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

shutterstock 1563191002

ขณะเดียวกัน ยังมีการรับรู้รายได้จากมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นของ BEM จากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าและปริมาณการใช้ทางด่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีรายได้เงินปันผลจาก TTW ซึ่งผลประกอบการเป็นไปตามคาด รวมถึงส่วนแบ่งรายได้จาก CKP ด้วย ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของ CK อยู่ที่ 7.4% เพิ่มขึ้นจาก 7.1%

ทั้งนี้ CK ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น มูลค่ารวม 254 ล้านบาท จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 สิงหาคม 2566 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (record date) ในวันที่ 29 สิงหาคม และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 กันยายนนี้

ประการที่สอง คือแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังคาดดีต่อเนื่อง บวกกับความชัดเจนทางการเมือง เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา  CK ได้ลงนามโครงการก่อสร้างโครงการทางหลวงหมายเลข 118 สายเชียงใหม่ – เชียงราย ตอนที่ 3 มูลค่าสัญญา 799 ล้านบาท และเตรียมจะลงนามโครงการโรงบำบัดน้ำเสียและระบบบำบัดน้ำเสียธนบุรี สัญญาที่ 1 มูลค่า 2,404 ล้านบาท ภายในปลายไตรมาส 3 ทำให้ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 3/2566 ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องและสามารถเติบโตได้จาก Backlog ในปัจจุบันซึ่งมีมูลค่าราว 140,000 ล้านบาท

shutterstock 2206393723

และหากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จ จะเป็นผลบวกต่อการเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ ซึ่งจะกลับสู่ภาวะปกติ ส่งผลต่อในช่วงครึ่งปีหลังธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่วนประเด็นที่พรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มสูงที่จะได้จัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป ทำให้มีความเชื่อว่ามีโอกาสน้อยที่ผลการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกจะถูกยกเลิก เท่ากับว่าจะช่วยเติม Backlog ในมือของบริษัทให้สูงขึ้นไปอีก สามารถรองรับการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 5 ปีข้างหน้า

shutterstock 2061863507

มุมมองนักวิเคราะห์เองก็ออกมาประสานเสียงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CK กันถ้วนหน้า นำโดย บล. คิงส์ฟอร์ด และ บล. โกลเบล็ก ที่ราคาเป้าหมายสูงถึง 26 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัพไซด์ราว 18% ด้าน บล. ฟิลลิป ราคาเป้าหมาย 25.90 บาทต่อหุ้น บล. ดาโอ 24 บาทต่อหุ้น และ บล. ทิสโก้ 23 บาทต่อหุ้น

บทวิเคราะห์ บล. ทิสโก้ มองว่าโมเมนตัมของผลประกอบการจะดำเนินต่อไปจนถึงไตรมาส 3 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้หุ้นจาก BEM และ CKP รวมถึงรายได้เงินปันผลจาก TTW ขณะที่รายได้จากการก่อสร้างและอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 2

พร้อมกันนี้ CK ยังมีโครงการอื่นๆ ที่มีศักยภาพในปี 2567 ได้แก่ งานซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน มูลค่า 1,630 ล้านบาท, โครงการรางคู่ มูลค่า 35,000 ล้านบาท และงาน M&E สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ มูลค่า 27,000 ล้านบาท โดยจำนวน Backlog ที่กล่าวไปนี้บ่งชี้ถึงการเติบโตของผลประกอบการสำหรับปี 2566-2569

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน