Stock

‘GULF-GUNKUL’ แกร่ง! คว้าใบอนุญาตโรงไฟฟ้าสะอาดมากสุด

กกพ. ประกาศผลการคัดเลือกโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน รอบใหม่  5,203 MW โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 100 MW พบบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ คว้าใบอนุญาตได้จำนวนมาก

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศผลการคัดเลือกโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน รอบใหม่ จำนวน 5,203 MW และโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จำนวน 100 MW โดยมีผู้ได้รับการคัดเลือกทั้งหมด 188 โครงการ กำลังผลิตรวม 4,952.3 MW แบ่งออกเป็น

1.  โรงไฟฟ้าพลังงานลม 22 โครงการ ขนาด SPP 20 โครงการ และขนาด VSPP 2 โครงการ กำลังผลิตรวม 1,490.2 MW

2. โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีระบบกักเก็บพลังงาน 24 โครงการ เป็นขนาด SPP ทั้งหมด กำลังผลิตรวม 994.1 MW

ใบอนุญาต

3. โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน 129 โครงการ ขนาด SPP 39 โครงการ และขนาด VSPP 90 โครงการ กำลังผลิตรวม 2,368 MW

4. โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 13 โครงการ เป็นขนาด VSPP ทั้งหมด กำลังผลิตรวม 100 MW

บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ คว้าใบอนุญาตมากสุด

จากการสำรวจข้อมูลพบว่า มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่คว้าใบอนุญาตได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น GULF, GUNKUL, BGRIM, RATCH, GPSC, BCPG, SCC, SSP, ACE, ETC, TSE, WHA และ SUPER เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวเป็นการอัปเดตในเบื้องต้น ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดย กฟผ. จะมีการแจ้งให้ผู้ยื่นเสนอขายไฟฟ้ารับทราบผล และยอมรับเงื่อนไขเพื่อลงนามในสัญญา PPA ภายในวันที่ 19 เมษายนนี้  

สำหรับผู้ที่ได้รับการจัดสรรมากที่สุดในรอบนี้ คือ GULF หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้รับกำลังผลิตราว 1,600 MW ตามมาด้วย GUNKUL หรือ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) กำลังการผลิตผลิตราว 840 MW ส่วน SSP หรือ บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นโรงไฟฟ้าขนาดกลางและเล็ก ที่ได้รับกำลังผลิตเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญจำนวนราว 170 MW

หนุนอัพไซด์พุ่ง จากรายได้ในอนาคต

นักวิเคราะห์ต่างออกมาประเมินว่า แต่ละบริษัทจะได้ปัจจัยบวกจากการชนะการประมูลครั้งนี้ โดย บล.กสิกรไทย ชี้ว่าหุ้นที่ราคามีอัพไซด์ (upsides) ส่วนเพิ่มจากกรณีดังกล่าวโดยเรียงจากมาไปน้อย ได้แก่
GUNKUL +24%, SSP +9%, GULF +6%, BGRIM 3% ขณะที่ RATCH, GPSC, BCPG อยู่ประมาณ 0.2-0.3%

ใบอนุญาต

บล.กรุงศรี พัฒนสิน มองว่า GUNKUL ที่ได้รับคัดเลือกโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบนี้จำนวนมาก คิดเป็น 17% ของทั้งหมด เบื้องต้นประเมิน valuation จากโครงการใหม่ที่ 0.82 บาท หรือคิดเป็น upside risk ราว 0.43 บาท จากประมาณการปัจจุบันที่ 0.39 บาท จึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ที่ราคาเป้าหมาย 5 บาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ GULF ราคาเป้าหมาย 62.25 บาท และ SSP ราคาเป้าหมาย 14.40 บาท เป็น Top Picks สำหรับการลงทุนในประเด็นของการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เนื่องจาก GULF เป็นบริษัทที่ได้รับกำลังผลิตเพิ่มมากที่สุด มีอัพไซด์จากกำลังผลิตใหม่ 1.50-2.00 บาทต่อหุ้น รวมถึงมีกำไรและฐานทุนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ขณะที่ SSP ได้รับกำลังผลิตใหม่ราว 73% คิดเป็นกำลังผลิตใหม่ราว 73% เมื่อเทียบกับกำลังผลิตที่มีอยู่เดิมในตอนนี้ ทำให้มีอัพไซด์ราว 1.80-2.00 บาทต่อหุ้น จึงเป็นหุ้นที่มีโอกาสฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง

แต่ในช่วงระยะสั้นสั้นมีโอกาสที่จะเกิดแรงขายทำกำไร ในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าหลังประเด็นดังกล่าว เนื่องจากความชัดเจนของข่าวดี หรือที่เรียกว่า Sell on Fact ส่วนต่อไปในระยะกลางหุ้นโรงไฟฟ้ากลุ่มนี้ ยังมีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด เนื่องจาก Recession Fear และ Bond Yield ระยะ 10 ปี ในไทยและสหรัฐที่ปรับตัวลง

ประเด็นที่น่าติดตามต่อไป คือแผนการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและขยะอุตสาหกรรมเพิ่มอีก 3,668.5 MW คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 โดยมีโอกาสสูงที่จะไม่มีการเปิดรับสมัครเพิ่มเติม แต่จะใช้รายชื่อเดิมในการคัดเลือก คาดเห็นความชัดเจนในไตรมาส 2 จะเป็นแรงเก็งกำไรเข้ามาเพิ่มเติม

 

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน