สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดโพย 5 หุ้นไทย นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองว่าหุ้นไทยยังน่าสนใจ จากปัจจัยเรื่องการเลือกตั้ง การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจฟื้น ช่วยหนุนดัชนีให้เติบโต
เป็นประจำทุกไตรมาส ที่สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) จะมีการเก็บผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน เกี่ยวกับมุมมองการลงทุน ทิศทางตลาด และหุ้นที่ให้คำแนะนำการลงทุน ซึ่งเราได้สรุป IAA Survey ครั้งที่ 2 ของปี 2566 มาฝากแล้วในบทความนี้
ความเห็นนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน ได้ปรับลดกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของหุ้นไทยในปี 2566 เหลือ 95.77 บาท ปรับลดจากผลสำรวจครั้งก่อนที่ 105.34 บาท และคาดการณ์ EPS Growth ของปี 2566 อยู่ที่ 13.02% เนื่องจากคาดในช่วไตรมาส 2 หุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,508-1,721 จุด และปิดสิ้นปีที่ 1,707 จุด
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองว่าหุ้นไทยยังน่าสนใจ จากปัจจัยเรื่องการเลือกตั้ง การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจฟื้น ที่จะช่วยหนุนดัชนีให้เติบโต ดังนั้น ในการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจ ค้าปลีก การท่องเที่ยว เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจ ไฟแนนซ์ (nonbank) ปิโตรเคมี พลังงาน และสาธารณูปโภค
พร้อมกันนี้ได้มีการเปิดเผยรายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำ โดยมีจำนวนสำนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไป โดยมีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้
1. ADVANC หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
คาดผลประกอบการจะกลับมาเติบโตได้ดีในปี 2566 หลังจากแนวโน้มการแข่งขันที่ลดลง รวมถึงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศที่กลับมาพื้นตัวในระดับสูง
2. AMATA หรือ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)
มองผลประกอบการจะเติบโตได้ดีในช่วงปี 2566 ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมา ประกอบกับอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีน อีกทั้งธุรกิจสาธารณูปโภคที่มีการเพิ่มอุปทานรองรับการผลิตที่ฟื้นตัว
3. AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
มองว่าเป้นธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยจะช่วยหนุนกำไร โดยเฉพาะหลังจากที่จีนเปิดประเทศและเข้าตารางบินฤดูร้อน ทั้งยังมีแผนการขยายสนามบินเพิ่มเติมในอนาคต
4. BBL หรือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
เป็นธานาคารพาณิชย์ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สินเชื่อยังเติบโตต่อเนื่องตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
5. CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
มีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวที่พื้นตัว รวมไปถึงการขยายสาขาหนุนกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง
สำหรับหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ หุ้นบางรายที่วิ่งขึ้นมากกว่า 1,000% เนื่องจากราคาเกินมูลค่าและเกินปัจจัยพื้นฐานไปมากแล้ว
สุดท้ายนี้ได้มีการแนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุน แบ่งเป็นเงินสดและเงินฝากระยะสั้น 18.63% กองทุนตราสารหนี้ 14.06% หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 27.39% หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 22.92% กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 7.31% ทองคำหรือกองทุนทองคำ 8.63% และส่วนอื่นๆ เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน น้ำมัน 1.06%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เจาะอาณาจักรธุรกิจ ‘ปูนซิเมนต์ไทย’ ใหญ่แค่ไหน?
- หุ้นร้านหนังสือ น่าลงทุนแค่ไหน?
- ‘TTW’ ผลตอบแทนน่าดึงดูด ‘สถานะการเงิน’ แข็งแกร่ง