ระหว่างปี 2564 – 2565 ที่ผ่านมา กลายเป็นช่วง 2 ปี ที่มีบริษัทและหลักทรัพย์จดทะเบียนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นจำนวนมากถึง 83 หลักทรัพย์ คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 195,977.59 ล้านบาท ทว่าจุดที่น่าสนใจก็คือ แม้จะมีบริษัทพาเหรดเข้าตลาดหุ้นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่มักเป็นบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ขณะที่การระดมทุนของบริษัทขนาดใหญ่กับไม่ได้คึกคักเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเมื่อมองไปที่ราคาหุ้นหลังจากเข้าทำการซื้อขายวันแรก พบว่าหุ้นขนาดใหญ่เผชิญกับความท้าทายมากทีเดียว
หากเราแบ่งขนาดของหุ้นตามมูลค่าหลักทรัพย์ของราคาตลาด (Market Cap.) ดังนี้ หุ้นขนาดใหญ่ (Large Cap.) มูลค่ามากกว่า 50,000 ล้านบาท หุ้นขนาดกลาง (Mid Cap.) มูลค่า 10,000 ล้านบาท ถึง 50,000 ล้านบาท และหุ้นขนาดเล็ก (Small Cap.) มูลค่าน้อยกว่า 10,000 ล้านบาท
จะเห็นว่าในช่วง 2 ปีมานี้ มีหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่เข้าเทรดทั้งหมด 5 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย
1. บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR
2. บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR
3. บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI
4. บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG
5. บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC
โดยมี 3 หลักทรัพย์ที่ราคาปิดวันแรกร่วงลงต่ำกว่าราคาจองซื้อ ได้แก่ TLI, BTG, ITC ขณะเดียวกัน ยังมีมากถึง 4 หลักทรัพย์ ที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่สามารถยืนเหนือราคาจองซื้อไอพีโอ ได้แก่ TIDLOR, TLI, BTG, ITC มีเพียงแค่ OR เท่านั้นที่ราคาวันแรกและราคาปัจจุบันยืนเหนือราคาจองซื้อ
หมายเหตุ : ราคาหุ้นปัจจุบัน ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566
ความท้าทายของหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่มาจากสภาพคล่องของตลาดหุ้นไทยที่หดหายลงไปเยอะ ไม่ได้ดีเหมือนในอดีต ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องมากตั้งแต่การเกิดวิกฤติโควิด ธนาคารกลางสหรัฐ เริ่มนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้น อัตราเงินเฟ้อสูง ส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินต่างๆ กระทั่งเข้ามากดดันการลงทุนในหุ้นไอพีโอด้วย โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่ต้องพึ่งพาเงินระดมทุนจำนวนมากจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ
ทำให้ปัจจุบันการเสนอขายหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่ในราคาที่สูงจนเกินไป นั้นไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนักจากตลาด ตรงกันข้ามกับในอดีตที่จะเห็นว่า ตลาดให้การรับหุ้นไอพีโอราคาสูงได้ดีกว่า เนื่องจากสภาพคล่องของโลกในช่วงที่ผ่านมานั้นสูงมาก และเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้น เมื่อความต้องการลงทุนสูงจึงสามารถตั้งราคาพรีเมียมได้
ต้องติดตามกันว่าในปี 2566 นี้ หุ้นไอพีโอขนาดใหญ่ที่เตรียมตัวเข้าเทรดจะโชว์ฟอร์มเข้าตานักลงทุนแต่ไหน แม้ว่าแนวโน้มสภาพคล่องจะเริ่มกลับมาแล้ว แต่การตั้งราคาที่เหมาะสม รวมถึงให้ส่วนลดเพื่อดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น จะเป็นหัวใจที่สำคัญอย่างมาก
ทั้งนี้ เชื่อว่าปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่หุ้นไอพีโอคึกคักที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ปรับเกณฑ์รับหลักทรัพย์ โดยเตรียมบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ในช่วงปี 2567 กำหนดให้บริษัทยื่นทำงบการเงินย้อนหลังในรูปแบบกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ 3 ปีย้อนหลัง จากเดิม 1 ปี ทำให้หลายบริษัทเลือกที่จะเร่งระดมทุนให้ทันภายในปี 2566
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อัปเดตแนวโน้มหุ้น IPO ปีกระต่าย คึกคัก หรือ เงียบเหงา?
- ‘เสนาฯ’ ปิดจ๊อบ ขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/66 มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท สำเร็จตามเป้า
- สำรวจ ‘หุ้นแบตเตอรี่ EV’ กำลังการผลิตเกิน 1 GWh
