Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดบวก 176.44 จุด ขานรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูงกว่าคาด

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (23 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ปรับขึ้นกว่า 100 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางก่อนวันหยุดยาวสุดสัปดาห์นี้ โดยนักลงทุนขานรับการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่สูงกว่าคาด และหุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาดพุ่งขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 33,203.93 จุด เพิ่มขึ้น 176.44 จุด หรือ +0.53% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,844.82 จุด เพิ่มขึ้น 22.43 จุด หรือ +0.59% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 10,497.86 จุด เพิ่มขึ้น 21.74 จุด หรือ +0.21%

ดาวโจนส์

ตลาดปรับตัวขึ้น หลังการเปิดเผยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภคสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 59.7 ในเดือนธันวาคม สูงกว่าตัวเลขเบื้องต้น และตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.1 หลังจากแตะระดับ 56.8 ในเดือนพฤศจิกายน

แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และผู้บริโภคยังคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ต่ำกว่าระดับ 4.9% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว

อย่างไรก็ดี ขาขึ้นของตลาด ยังเจอการสกัดจาก ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ที่แสดงให้เห็นว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (พีซีอี) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.5% ในเดือนพฤศจิกายนเมื่อเทียบรายปี  และเมื่อเทียบรายเดือน ขยับขึ้นมา 0.1%

ส่วนดัชนีพีซีอีพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนที่แล้ว เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 และเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ปรับตัวขึ้นมา 0.2%

ทั้งนี้ ดัชนีพีซีอี ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้า และบริการในวงกว้าง มากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ)

นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้ดัชนีพีซีอีจะปรับลดลงมา แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจจะทำให้เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo