Stock - Finance

‘BTS’ ย่องเก็บของถูก ซื้อหุ้นเคอรี่ราคา 16 บาท

‘BTS’ ย่องเก็บของถูก ซื้อหุ้นเคอรี่ราคา 16 บาท กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 สัดส่วน 5.0557% ยังมีการถือหุ้นทางอ้อม ผ่าน VGI อยู่ราว 18.03%

เป็นการเข้าลงทุนอย่างต่อเนื่องสำหรับ BTS หรือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) โดยล่าสุดรายงานสำนักงาน ก.ล.ต. ว่าทุ่มได้เงินประมาณ 128 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น KEX หรือ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จำนวน 8 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.459% ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 16 บาท เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566

ซื้อหุ้นเคอรี่ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3

ส่งผลให้ตอนนี้ BTS กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ของ KEX ที่สัดส่วน 5.0557% ด้วยจำนวนรวมทั้งสิ้น 88.10 ล้านหุ้น ขณะเดียวกัน ยังมีการถือหุ้นทางอ้อมผ่าน VGI หรือ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) อีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน VGI เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ KEX อยู่ราว 18.03%

ซื้อหุ้นเคอรี่

ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ BTS ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นบิ๊กล็อตของ KEX เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2563 บริษัทได้รายงานการเข้าซื้อหุ้น KEX เพิ่ม 22.58 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 65 บาท หลังจากนั้นเมื่อปี 2564 ก็พบว่าเข้าซื้อเพิ่มอีก 9.5 ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 52 บาท

ซื้อหุ้นเคอรี่ ราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ

สังเกตว่าราคาที่ BTS เข้าซื้อหุ้นนั้น เป็นราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ ตามมูลค่าหุ้น KEX ที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ทำให้มองได้สองทางของเหตุผลในการลงทุนครั้งนี้ หนึ่งคือ BTS เห็นโอกาสการกลับมาเติบโตในอนาคตของ KEX หรือในอีกแง่ก็คือเป็นการถัวเฉลี่ยขาดทุนในจังหวังที่หุ้นเป็นขาลง

สำหรับ KEX เป็นผู้นำด้านการให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนในประเทศไทยที่ก่อนหน้านี้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนจะเข้าตลาดเสนอขายหุ้น IPO เมื่อปี 2564 บริษัทเคยมีอัตรากำไรเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ตั้งแต่ปี 2557 ถึงปี 2562 มากกว่า 100%

ซื้อหุ้นเคอรี่

แต่ด้วยการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจพัสดุส่งด่วน เนื่องจากมีผู้เล่นรายใหม่ที่มีความแข็งแกร่งขึ้นมาก ประกอบกับต้นทุนค่าดำเนินการที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมัน รวมไปถึงตลาด E-Commerce ที่ไม่ได้โตแบบติดสปีดเป็นเท่าตัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว จึงกดดันผลประกอบการของ KEX มาโดยตลอด

โดยเราจะเห็นได้ว่าทั้งรายได้และกำไรของ KEX ลดลงอย่างต่อเนื่องจนน่าใจหาย กระทั่งปีล่าสุดที่บริษัทประสบผลขาดทุน

ปี 2562 รายได้ 19,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.66% กำไร 1,329 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.15%
ปี 2563 รายได้ 19,010 ล้านบาท ลดลง  4.45% กำไร 1,405 ล้านบาท ลดลง  5.72%
ปี 2564 รายได้ 18,972 ล้านบาท ลดลง  0.20% กำไร 46.9 ล้านบาท ลดลง  96.66%
ปี 2565 รายได้ 17,003 ล้านบาท ลดลง  9.60% ขาดทุน 2,829.8 ล้านบาท

ทั้งนี้ KEX เปิดเผยในคำอธิบายงบการเงิน ประจำปี 2565 ว่าเป็นปีที่บริษัทเจอกับความท้าทายจากปัจจัยสำคัญต่างๆ เช่น ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน การขึ้นอัตราดอกเบี้ย การชะลอตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนค่าน้ำมันและต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นมาก และยังส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งยังกระทบต่อภาพรวมต่อธุรกิจแพลตฟอร์ม E-commerce ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก

 

ซื้อหุ้นเคอรี่

นอกจากนี้ พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ได้เปลี่ยนแปลงเป็น offline มากขึ้น หลังจากการเปิดประเทศ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของอุปสงค์ในธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนลดลง และนำไปสู่การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงอย่างต่อเนื่องระหว่างผู้เล่นในธุรกิจ

ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ สะท้อนไปยังมูลค่าหุ้น KEX ที่ได้ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดมากกว่า 70% และลงไปต่ำกว่าราคาเสนอขาย IPO ที่ 28 บาทต่อหุ้น แต่คงต้องติดตามกันว่าการที่ BTS ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มในช่วงเวลานี้ จะช่วยหนุนความสนใจของตลาดให้กลับมาได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเอาจริงๆ แล้วในระยะยาวธุรกิจของ KEX ยังมีความได้เปรียบในแง่ความประหยัดต่อขนาด ประกอบกับมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งซึ่งจะช่วยเสริมโอกาสทางธุรกิจได้ไม่น้อย

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน