เผยผลทดสอบวัคซีนทุกสูตรที่รับแค่ 2 เข็ม เอาโอไมครอนไม่อยู่ ระดับภูมิคุ้มกันหายไปเกือบครึ่ง บางสูตรลดลง 17 เท่า จำเป็นต้องกระตุ้นเข็ม 3 ระดับภูมิคุ้มกันถึงจะกลับมาคุ้มโรคได้
วันนี้ (17ม.ค.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงผลการทดสอบระดับภูมิคุ้มกันร่างกายใน 8 สูตรวัคซีนที่ฉีดในไทยว่า จากการนำเลือดของประชาชนที่ได้รับวัคซีนมาตรวจภูมิคุ้มกันกับเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาและโอไมครอน แบบตัวเป็นๆ มีการเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ระดับ 3 ด้วยวิธี PRNT (เพาะเชื้อไวรัสในเซลล์) พบว่าในส่วนของสูตรวัคซีน 2 เข็ม ทั้งสูตรไขว้และแบบชนิดเดียวกัน ทุกสูตรระดับภูมิคุ้มกันป้องกันเดลตาได้ดี
แต่ระดับภูมิคุ้มกันในโอไมครอนกลับตอบสนองไม่ดีเท่า ระดับภูมิคุ้มกันหายไปเกือบครึ่ง บางสูตรลดลง 17 เท่า แสดงว่าไอโมครอนหลบวัคซีนได้ดี ดังนั้น จำเป็นต้องรับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือเข็ม 3 เพื่อให้ระดับภูมิคุ้มกันสูงขึ้น ทั้งในสูตรซิโนแวค+แอสตราฯ หรือแอสตราฯ+แอสตราฯ หรือไฟเซอร์+ไฟเซอร์ หรือซิโนแวค+ไฟเซอร์ หรือแอสตราฯ+ไฟเซอร์
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ส่วนการทดสอบระดับภูมิคุ้มกันในสูตรวัคซีนที่รับครบ 3 เข็ม ได้แก่ 1 ซิโนแวค+ซิโนแวค+แอสตราฯ พบภูมิตอบสนองต่อเดลตา 368.1 แต่หากเป็นโอไมครอน ภูมิตอบสนอง 71.64, ซิโนแวค+ซิโนแวค+ไฟเซอร์ ตอบสนองเดลตา 729.3 ไอไมครอน ตอบสนอง 282.5 และ 3 แอสตราฯ+แอสตราฯ+ไฟเซอร์ ตอบสนองต่อเดลตา 691.1 แต่โอไมครอน ตอบสนอง 222.9 แต่ขอย้ำว่าการรับวัคซีนเข็ม 3 สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้ และช่วยลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิตได้มากขึ้น
กรมวิทย์ฯ เตรียมประสานขอข้อมูลกับกรมการแพทย์ ในส่วนคนป่วยที่หายแล้ว เพื่อติดตามอาการและเพื่อดูความรุนแรงของโรค ส่วนกรณีการติดเชื้อโควิดของอังกฤษที่ระบุว่า มีสัญญาณว่าอาจเป็นการสิ้นสุด และเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นนั้นต้องค่อยๆ ดูต่อไป ตอนนี้เพียงแต่สายพันธุ์ยังไม่รุนแรง พร้อมระบุว่าความหวังเรื่องของการรับวัคซีนเพียงปีละ 1 เข็ม เพื่อป้องกันโควิด คงไม่สามารถเป็นไปได้ เนื่องจากผลการศึกษาเห็นแล้วว่า ระดับภูมิคุ้มกันอยู่ไม่นาน จึงเป็นต้องรับวัคซีนเข็มกระตุ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- งานวิจัยชี้ ATK แบบน้ำลาย ‘แม่นกว่า’ สวอบจมูก
- ‘ดร.สันต์’ คาดสงครามโอไมครอน กทม. 2 สัปดาห์รู้ผล ‘จบไม่จบ’ เทียบแอฟริกาใต้
- ‘ฝรั่งเศส’ ผ่านกฎหมาย ห้ามคนไม่ฉีดวัคซีน ใช้บริการสาธารณะ