COVID-19

อัปเดตสายพันธุ์โควิด-19 ในไทย พบ ‘XBB.1.9.2’ สัดส่วนมากที่สุด 24.5%

กรมวิทย์ฯ อัปเดตล่าสุดสายพันธุ์โควิด-19 ในไทย พบโอไมครอน XBB.1.9.2 มากที่สุด 24.5% ส่วนข่าวแชร์โลกโซเชียล เตรียมรับมือ XBB.1.16 “อาร์คตูรุส” อาการใหม่ ไม่มีไข้ ตาแดง ผื่นขึ้น น้ำมูกไหล ไม่เป็นความจริง

นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 และสายพันธุ์ที่เฝ้าติดตามในประเทศไทย ว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการ ติดตามการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึง 2 ธันวาคม 2566

สายพันธุ์โควิด-19

จากการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด 19 จำนวน 253 ราย พบสายพันธุ์ XBB.1.9.2 มีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 24.5% ถัดมาคือ EG.5, XBB.1.16 และ XBB.2.3 โดยพบสัดส่วน 23.3%, 17.80% และ 11.90% ตามลำดับ

สำหรับสถานการณ์โดยรวมของประเทศไทยในปัจจุบัน พบว่า สัดส่วนของสายพันธุ์ EG.5 และ XBB.1.9.2 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่สัดส่วนของสายพันธุ์ XBB.1.16 กับ XBB.2.3 มีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับช่วงสองเดือนก่อนหน้า

โควิด 1

ส่วนกรณีมีการแชร์และส่งต่อข้อมูลในโซเชียลมีเดีย ว่า เตรียมพร้อมรับมือโควิด 19 ระลอกใหม่สายพันธุ์ XBB.1.16 อาร์คตูรุส อาการใหม่ ไม่มีไข้ ตาแดง มีผื่นขึ้น หรือน้ำมูกไหล นั้น จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลสายพันธุ์ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระหว่างเดือนกันยายน ถึงพฤศจิกายน 2566 พบเป็น สายพันธุ์ XBB.1.16 จำนวน 83 ราย หรือคิดเป็น 16.4%

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อมูลลักษณะอาการทางคลินิกจากประวัติที่ผู้ติดเชื้อ SARS-CoV-2 สายพันธุ์ XBB.1.16 พบว่า ส่วนใหญ่กว่า 90% มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก เสมหะ ปวดเมื่อย บางรายประมาณ 10% มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อย/หอบ ร่วมด้วย ไม่พบลักษณะอาการตาแดง มีผื่นขึ้น หรือน้ำมูกไหล

นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ
นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ

ขณะที่ในช่วงนี้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ๆ เล็กน้อย เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่จะพบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น ซึ่งการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ยังคงเป็นมาตรการการป้องกันที่ได้ผลดี

ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดำเนินการเก็บตัวอย่างจากผู้ป่วยโควิด 19 ทั่วประเทศ มาตรวจสายพันธุ์ เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ต่อไป และขอให้ความมั่นใจว่ากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเครือข่าย ยังคงเฝ้าระวังติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อ SARS-CoV-2 อย่างต่อเนื่อง และเผยแพร่บนฐานข้อมูลสากล GISAID อย่างสม่ำเสมอ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo