Opinions

รู้หรือไม่? กินอาหารค้างคืน กินเหลือ กินไม่หมด เสี่ยงสูง อันตรายกว่าที่คิด

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK

รู้หรือไม่? กินอาหารค้างคืน กินเหลือ กินไม่หมด สารอาหารต่ำ เสี่ยงท้องเสีย อันตรายกว่าที่คิด พร้อมแนะนำวิธีการเก็บอาหารค้างคืนให้เหมาะสม!

เพจ Mahidol Channel โพสต์ข้อความว่า กินอาหารค้างคืน สารอาหารต่ำ เสี่ยงท้องเสีย กินเหลือ กินไม่หมด เสียดาย เลยต้องเก็บอาหารเข้าตู้เย็น เพราะคิดว่าจะช่วยให้อาหารอยู่ได้นาน แต่รู้หรือไม่ว่า ความเย็นไม่ได้ช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้อาหารเน่าเสีย

อาหารค้างคืน

ดร.วนะพร ทองโฉม นักสุขศึกษา งานสร้างเสริมสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล จะมาให้ความรู้ถึงอันตรายของการกินอาหารค้างคืน พร้อมแนะนำวิธีการเก็บอาหารค้างคืนให้เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดอาหารเป็นพิษ

หลาย ๆ บ้านเมื่อกินอาหารไม่หมด ก็มักจะเก็บเข้าตู้เย็น เพื่อหวังว่าจะนำมาอุ่นซ้ำเมื่อกินครั้งต่อไป หรือที่เราเรียกว่าอาหารค้างคืน ซึ่งจริง ๆ แล้ว การเก็บในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมและระยะเวลายาวนานเกินไป ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพตามมาได้

อันตรายจากอาหารค้างคืน

อย่างแรกก็คือ อาหารเป็นพิษ เนื่องจากการเก็บในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม และระยะเวลายาวนานเกินไป ก็เสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ก่อโรค

อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเก็บอาหารค้างคืน ควรอยู่ในช่วงที่ต่ำกว่า 5°C เพราะ 5-60°C เป็นอุณหภูมิที่เป็น Danger Zone หรืออุณหภูมิอันตราย ก็เสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ก่อโรคที่ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ ซึ่งอาหารเป็นพิษจะส่งผลเสียต่อในเรื่องของอาการข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือถ้าท้องเสียมาก ๆ อาจจะมีภาวะอาการขาดน้ำตามมาได้

ประการที่สอง อาหารค้างคืน เรามักจะต้องนำมาอุ่นซ้ำ ซึ่งความร้อนไม่ว่าจากการอุ่นด้วยไมโครเวฟ หรือการตั้งบนเตาไฟ จะทำลายวิตามินที่สำคัญกับร่างกาย ได้แก่ วิตามินซี วิตามินบี และวิตามินเอ ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายได้รับสารอาหารเหล่านี้น้อยลง

สิ่งที่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาอาหารค้างคืนในระดับหนึ่ง คือการแช่ตู้เย็น แต่เป็นเพียงแค่การชะลอการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ก่อโรคในอาหารเท่านั้น เพราะความเย็นไม่ได้ทำลาย จุลินทรีย์ก่อโรคในอาหาร

อาหารค้างคืน

ระยะเวลาในการแช่อาหารค้างคืน

สำหรับระยะเวลาในการแช่อาหารค้างคืนว่าจะเก็บได้นานเท่าไรนั้น เราสามารถจัดกลุ่มอาหารค้างคืน ได้เป็น 3 กลุ่มตามความเสี่ยงของการเน่าเสีย

อาหารกลุ่มแรกคือ กลุ่มที่เสียงต่อการเน่าเสียต่ำ จะเป็นอาหารในกลุ่มที่มีความชื้นน้อยและโปรตีนต่ำ ได้แก่ ขนมปัง อาหารแห้ง เช่น บิสกิต หรือผักและผลไม้ที่ผ่านการล้างและตัดแต่ง ซึ่งระยะเวลาในการเก็บอาหารค้างคืน ของอาหารกลุ่มนี้ที่เหมาะสม สำหรับขนมปังถ้าอยู่ที่อุณหภูมิห้อง จะเก็บได้ 3 วัน แต่ถ้าเข้าตู้เย็นก็จะเก็บได้นานขึ้น แต่ไม่ควรเกิน 7 วัน

สำหรับอาหารแห้งหรือบิสกิต ซึ่งมีความชื้นที่ต่ำกว่าขนมปัง ก็สามารถเก็บในตู้เย็นได้ยาวนานมากขึ้น 7-10 วัน

ส่วนผักและผลไม้ หากเป็นผลไม้ที่ล้างและตัดแต่งเรียบร้อยแล้ว สามารถเก็บในตู้เย็นได้ 3-5 วัน ส่วนผักก็จะเก็บได้ 7 วัน ผักที่บรรจุกระป๋องและเปิดรับประทานแล้ว ก็สามารถเก็บได้ 7-10 วัน แต่ในกลุ่มของผักและผลไม้ถ้านำไปแช่แข็ง ก็สามารถเก็บได้ยาวนานถึง 1 ปี

กลุ่มต่อมา เป็นกลุ่มอาหารที่เสี่ยงเน่าเสียปานกลาง ซึ่งจะมีความชื้นมากกว่ากลุ่มอาหารกลุ่มแรก ได้แก่ พวกขนมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเบเกอรี หรือขนมไทยที่ไม่มีมะพร้าวหรือไม่มีกะทิ ซึ่งสามารถเก็บได้ในตู้เย็น ในระยะเวลา 5-7 วัน หรือถ้าแช่แข็ง ก็จะเก็บได้ยาวนานถึง 6 เดือน.

กลุ่มสุดท้าย เป็น กลุ่มอาหารเสี่ยงเน่าเสียสูง ซึ่งเป็นกลุ่มอาหารที่มีความชื้นสูง มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตสูง อาหารในกลุ่มนี้ได้แก่ อาหารที่ปรุงสุก อาหารประเภทนม หรืออาหารที่มีส่วนผสมของกะทิเป็นองค์ประกอบ รวมถึงข้าวหุงสุก อาหารประเภทเส้นและธัญพืชที่ผ่านความร้อน ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสม ในการเก็บรักษาอาหารกลุ่มนี้ ถ้าแช่เย็น จะอยู่ที่ 3-5 วัน แต่ถ้าแช่แข็ง ไม่ควรเกิน 3 เดือน

ข้อแนะนำในการเก็บอาหารค้างคืนเข้าตู้เย็น

  • ประการแรก ก่อนนำอาหารเข้าตู้เย็น ควรอุ่นที่อุณหภูมิมากกว่า 74°C เพื่อทำลายแบคทีเรีย ที่อาจปนเปื้อนมากับอาหารได้
  • เมื่ออาหารมีอุณหภูมิลดลง จนสามารถเก็บเข้าตู้เย็นได้ ให้แบ่งอาหารใส่ภาชนะที่ปิดมิดชิด ขนาดเล็กถึงกลางที่เพียงพอสำหรับ การแบ่งรับประทานใน 1 ครั้ง เพื่อให้ความเย็นทั่วถึงอาหารในภาชนะที่เก็บ
  • เราควรจะติดฉลากวันที่เตรียมอาหาร และวันที่ทิ้งอาหาร โดยพิจารณาจากชนิดอาหารที่ต้องการเก็บ
  • ระยะเวลาในการนำอาหารเข้าตู้เย็น ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมงหลังจากเตรียมอาหาร และเมื่อต้องการอาหารค้างคืน มาทำการอุ่นซ้ำ ควรอุ่นที่อุณหภูมิสูงกว่า 74°C เพื่อทำลายแบคทีเรียที่ก่อโรคที่อาจจะ เจริญเติบโตในระหว่างการเก็บรักษาได้

ท้ายที่สุดแล้ว พฤติกรรมการกินอาหารค้างคืนเพราะความเสียดาย ก็เป็นพฤติกรรมที่ยังต้องพึงระวัง เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอาหารเป็นพิษได้ กับร่างกาย

ดังนั้น ควรรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ควรทำหรือซื้ออาหารในปริมาณที่พอดีที่สามารถกินหมดได้ใน 1 ครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มที่เปราะบาง ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยมะเร็ง ที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยปลูกถ่ายไขกระดูก หรือเปลี่ยนถ่ายอวัยวะที่ได้รับยากดภูมิ ควรจะรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ เพื่อป้องกันการได้รับเชื้อ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ที่มา : Mahidol Channel

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่