“วราวุธ” ชูนโยบาย “ทส. 2+4” สานพลังขับเคลื่อน “เครือข่ายอาสาสมัครทรัพยากรธรรมชาติ” ยกระดับคุณภาพการทำงานเพิ่มเป็น 2 เท่า และเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติอีก 4 ด้าน นำไปสู่เป้าหมายการพัฒนายั่งยืน และประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี ยืนยัน สนับสนุนการทำงานของทุกเครือข่าย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่าง ทส. ก้บประชาชนในทุกพื้นที่
วันนี้ (27 ก.ย.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้มอบนโยบายการส่งเสริม และสนับสนุน เครือข่ายด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส. มอบแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายการส่งเสริม และสนับสนุนเครือข่ายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ Microsoft team และถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยมีเครือข่ายด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศ เข้าร่วมรับฟังกว่า 100,000 คน
นอกจากนี้ ยังมีนายอนุชา สะสมทรัพย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ทส. นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ทส. และนายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรี ทส. ร่วมรับฟัง
นายวราวุธ กล่าวว่า ขณะนี้ ทส. มีเครือข่ายอาสาสมัครด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ทั่วประเทศกว่า 677,150 คน ประกอบด้วย
- เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จำนวน 259,262 คน
- เครือข่ายราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (รสทป.) และเครือข่ายป่าชุมชน จำนวน 196,523 คน
- เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.อส.) และเครือข่ายราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (รสทป.) จำนวน 122,000 คน
- เครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัย จำนวน 40,000 คน
- เครือข่ายผู้ใช้น้ำ จำนวน 38,019 คน
- เครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 21,346 คน
เครือข่ายเหล่านี้ ถือเป็นกลไกเชิงพื้นที่ ที่เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการอนุรักษ์ เฝ้าระวัง ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงรายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อม สะท้อนปัญหาในท้องถิ่น ตั้งแต่ผืนป่า จนถึงท้องทะเล เครือข่ายอาสาสมัครด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงเป็น หุ้นส่วนความร่วมมือภาคประชาชนระหว่าง ทส. กับประชาชนในทุกพื้นที่ และได้เกิดผลงานเป็นที่ประจักษ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
“วันนี้ประเทศไทย และโลกของเราอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ ทุกอย่างต้องมีการปรับเปลี่ยน สิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องตระหนักคือ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้สามารถอยู่อย่างยั่งยืนจนถึงชั่วลูกชั่วหลาน”
ดังนั้น แนวทางการทำงานต่อไปของ ทส. จะอยู่ภายใต้นโยบาย “ทส. หนึ่งเดียว” และนโยบาย “ทส. 2+4” ซึ่ง “ทส.2” หมายถึง การยกระดับคุณภาพการทำงานเป็น 2 เท่า และ “+4” หมายถึง การเพิ่มศักยภาพของการปฏิบัติงาน
บวกที่ 1 คือ การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การน้อมนำแนวทางพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน
บวกที่ 2 คือ การมีส่วนร่วมของประชาชน โดยประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา มีการรับรู้ ตระหนัก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และมีส่วนร่วมในกิจกรรมของ ทส.
บวกที่ 3 คือ การแสวงหาความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ ในการเพิ่มศักยภาพการทำงานอยู่เสมอ
บวกที่ 4 คือ มีหลักธรรมาภิบาลในการทำงาน โดยยึดหลักนิติธรรม คุณธรรม ความโปร่งใส การมีส่วนร่วม ความรับผิดชอบ และความคุ้มค่า ที่เป็นการยกระดับคุณภาพการทำงานเป็น 2 เท่า และการเพิ่มศักยภาพของการปฏิบัติงาน เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี
นายวราวุธ ระบุว่า ทส. พร้อมให้การสนับสนุนการทำงานของเครือข่ายในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านเครื่องมือ กฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ ที่ได้ปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้พี่น้องในพื้นที่ ได้เข้ามามีส่วนร่วมได้ดียิ่งขึ้น เช่น พ.ร.บ. ป่าชุมชน พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2562 ที่เปิดทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูกไม้มีค่า เพื่อใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณ จากกองทุนสิ่งแวดล้อม เปิดโอกาสให้เครือข่ายได้พัฒนาการทำงานในพื้นที่ ให้เกิดความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เช่น โครงการจัดการไฟป่า และลดหมอกควัน โครงการส่งเสริม โคก หนอง นา โมเดล และการทำเกษตรกรรมยั่งยืน และโครงการอื่น ๆ ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านมลพิษ
ในด้านบุคลากร เจ้าหน้าที่กระทรวง พร้อมสนับสนุนการทำงาน และร่วมทำงานกับพี่น้องเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
สิ่งสำคัญอีกประการ ที่ต้องการให้เครือข่ายในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมเป็นพลังสำคัญดำเนินการ คือ การส่งเสริม และสนับสนุนให้มีการปลูกต้นไม้วันละ 1 ต้น เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับป่าไม้ และเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ หลังปลูกแล้วขอให้ช่วยกันดูแลเพื่อให้เติบโตต่อไป ซึ่งการมีป่าไม้เพิ่มขึ้น จะช่วยแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น ไม่ว่า อุทกภัย ภัยแล้ง และอื่น ๆ ได้
“สำหรับปัญหาการเกิดอุทกภัยจากพายุดีเปรสชันเตี้ยนหมู่ในจังหวัดต่าง ๆ ในขณะนี้ ได้มอบนโยบายให้กับทุกหน่วยงานในสังกัด ให้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในทุกพื้นที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องขอฝากให้เครือข่ายอาสาสมัครด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ช่วยประสานในด้านข้อมูลความเดือดร้อนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงสิ่งจำเป็นที่ต้องการได้รับการสนับสนุน เพื่อทางกระทรวง จะได้เร่งจัดหาให้ เช่น เครื่องใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม รวมถึงยานพานะเช่นเรือ หรือ กำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าไปช่วยเหลือในการขนของ หรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วย คนชรา และอื่น ๆ”
ขณะที่ นายจตุพร ปลัด ทส. กล่าวเพิ่มเติมว่า เครือข่ายอาสาสมัครด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นหนึ่งในพลังสำคัญ ที่ทำงานร่วมกับส่วนราชการ ในการทำงานให้เกิดผลสำเร็จตามเป้าหมายนโยบายของของนายวราวุธ รัฐมนตรี ทส. และรัฐบาล โดยเน้นหลักการทำงานอย่าง HAPPY หรือมีความสุข อันเป็นเป้าหมายสำคัญของกระทรวง โดยพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของเครือข่าย รวมถึงการรับฟังข้อคิดเห็น เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาการทำงาน อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในทุกพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที
ทางด้าน นายสมศักดิ์ สันธินาค ประธานเครือข่าย ทสม. พระนครศรีอยุธยา แสดงความเห็นว่า นับเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารสูงสุดของ ทส. ได้พูดคุยกับเครือข่าย ทสม. และเครือข่ายอื่น ๆ ในสังกัด ที่มีคนฟังจำนวนมากเป็นหลักแสนคน รู้สึกดีใจ และเป็นขวัญกำลังใจ ให้เครือข่ายทุกเครือข่าย มีความมุ่งมั่นในการช่วยดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และขอให้สัญญาว่า พร้อมที่จะทำงานร่วมกับกระทรวงตลอดไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘วราวุธ’ ลงพื้นที่ ‘เพชรบุรี’ ดูงานฟื้นฟู ‘แหล่งน้ำ-น้ำบาดาล’
- ‘วราวุธ’ นำทีม ทส.จัดกิจกรรม ‘วิถีใหม่ สวมผ้าไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม’
- ‘วราวุธ’ ชวน ‘ปลูกต้นไม้เพื่อแผ่นดิน’ จุดเริ่มต้นแก้ ‘ป้ญหาสิ่งแวดล้อม’