“เอไอออเนกซ์” ประกาศความพร้อมรุกตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในไทย จ่อเปิดแฟลกชิปสโตร์-เผยโฉมรถ 4 รุ่นแรก กรกฎาคมนี้ สร้างตำนานบทใหม่ ชิงตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย 22 ล้านคัน พร้อมมุ่งผู้นำจักรยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน
นับเป็นการเปิดปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย เมื่อ อรุณ พลัส ในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมทุนกับ KYMCO Group ยักษ์ใหญ่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลกจากไต้หวัน จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท เอไอออเนกซ์ จำกัด หรือ AIONEX (เอไอออเนกซ์) เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายจักรยานยนต์ไฟฟ้า KYMCO เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เอไอออเนกซ์ แถลงข่าวเปิดสำนักงานใหญ่ในไทย โดยมีดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) พร้อมด้วย Mr. Allen Ko ประธาน KYMCO Group และนายเชิดชัย บุญชูช่วย ประธานกรรมการเอไอออเนกซ์ และกรรมการ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (อรุณ พลัส) นายเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการเอไอออเนกซ์ และกรรมการผู้จัดการอรุณ พลัส และ Mr. Gary Ting ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอไอออเนกซ์ ร่วมให้รายละเอียดถึงแผนการดำเนินงานและก้าวเดินของ เอไอออเนกซ์ นับจากนี้
เปิดที่มา 2 ยักษ์ร่วมทุนรุกตลาดรถจักรยานยนต์อีวี
สำหรับ เอไอออเนกซ์ (AIONEX) เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท อรุณ พลัส จำกัด (บริษัท ที่ ปตท. ถือหุ้น 100%) กับ Kwang Yang Motor Company Limited (KYMCO) จากประเทศไต้หวัน และ Kymco Capital Private Equity Management Company Limited หรือ KC (บริษัทย่อยที่ KYMCO ถือหุ้น) เพื่อจำหน่ายและให้บริการจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรภายใต้แบรนด์ KYMCO และแพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ ionex
ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน (ปตท.) กล่าวว่า ปัจจุบัน KYMCO เป็นแบรนด์สากลระดับโลกซึ่งมีจัดจำหน่ายใน 100 ประเทศ มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในไต้หวัน อันดับ 3 ในยุโรปและแอฟริกาใต้ มีประสบการณ์ในธุรกิจจักรยานยนต์มากกว่า 60 ปี และมีผลิตภัณฑ์จักรยานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ขับขี่ทุกกลุ่ม
ขณะที่ อรุณ พลัส จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นธุรกิจเรือธงด้านยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. มีภารกิจในการดำเนินธุรกิจ EV Value Chain แบบครบวงจร ครอบคลุมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า
ดังนั้น การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนครั้งนี้ จึงเป็นการผนึกความแข็งแกร่งของ KYMCO Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตจักรยานยนต์ระดับโลกจากไต้หวัน กับอรุณ พลัส ที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรของประเทศไทยให้เข้มแข็งมากขึ้น
ที่สำคัญ ยังนับเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ของกลุ่ม ปตท. ที่จะขยายธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร เชื่อมโยงระบบนิเวศทางธุรกิจระหว่างกัน ผ่านการ Synergy ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นายเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการ AIONEX และกรรมการผู้จัดการอรุณ พลัส กล่าวว่า กลุ่ม ปตท. ดำเนินธุรกิจเพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ มุ่งมั่นขับเคลื่อนนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ครบวงจร เพื่อผลักดันประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตามวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond
ปัจจุบัน ตลาดจักรยานยนต์ของประเทศไทย ถือว่ามีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อเทียบกับสัดส่วนครัวเรือนภายในประเทศ และมีจักรยานยนต์สะสมในประเทศประมาณ 22 ล้านคัน สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อการใช้งาน
ด้าน Mr. Allen Ko ประธาน KYMCO Group กล่าวว่า การส่งเสริมให้เกิดนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า จำเป็นต้องมีพันธมิตรที่เข้มแข็งเพื่อร่วมกันส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นพร้อมเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น
การร่วมมือกับ อรุณ พลัส จะช่วยให้ AIONEX สามารถเดินหน้าและผลักดันให้นิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยเข้มแข็งมากขึ้น โดย KYMCO เป็นแบรนด์ผู้ผลิตจักรยานยนต์ระดับสากลของไต้หวันที่ได้รับการยอมรับในคุณภาพและความทนทานจากผู้บริโภคทั่วโลก จึงเชื่อว่า หากผู้บริโภคชาวไทยได้ทดลองใช้งานจักรยานยนต์ไฟฟ้าของ KYMCO จะสัมผัสได้ถึงคุณภาพและความทนทานเช่นเดียวกัน
ตั้งเป้าผู้นำตลาดมอเตอร์ไซค์อีวีในไทย-อาเซียน
นายเอกชัย กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานนับจากนี้ AIONEX มีแผนเปิดตัวแฟลกชิปสโตร์ แห่งแรกในกรุงเทพฯ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยจะเป็นสาขาที่ให้บริการครบวงจรทั้ง การทดลองขับขี่ บริการหลังการขาย และให้บริการข้อมูลของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า KYMCO พร้อมเปิดตัวจักรยานยนต์ไฟฟ้า KYMCO อย่างน้อย 4 รุ่นในประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการเปิดให้บริการสถานีสลับแบตเตอรี่สำหรับจักรยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แพลตฟอร์มอัจฉริยะ Ionex ซึ่งจะให้บริการในรูปแบบ Battery as a Service (BaaS) Subscription Model หรือ ค่าบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบรายเดือน โดยลูกค้าสามารถเลือกแพคเกจบริการที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งาน อีกทั้งจะเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้ยี่ห้อรถจักรยานยนต์ค่ายต่าง ๆ สามารถเข้ามาใช้สถานีสลับแบตเตอรี่ได้ในอนาคตอีกด้วย
พร้อมกันนี้ ยังได้วางเป้าหมายเปิดตัวสลับแบตเตอรี่ Ionex 100 สถานีในปี 2567 และจะขยายเป็น 300 สถานี ภายในปี 2568 รวมถึงการขยายไปยังเมืองอื่น ๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น และภูเก็ต เป็นต้น
ขณะที่ Mr.Gary Ting ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIONEX กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคอาเซียน AIONEX จึงเลือกเปิดสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นและความพร้อมในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการส่งออกผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่หลากหลายของ KYMCO Group สู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ AIONEX เชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ KYMCO Group จะได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทยเช่นเดียวกับผู้บริโภคทั่วโลก ที่ได้สัมผัสกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีการขับขี่ของ KYMCO Group และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า AIONEX จะกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน
นับว่าการร่วมมือกันทั้ง 3 บริษัทใหญ่นี้ ผู้บริโภคชาวไทยจะได้มีตัวเลือกของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าคุณภาพระดับพรีเมี่ยม และในอนาคตจะมีแผนการสร้างโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศเพื่อผลิตและส่งออกไปในภูมิภาค เป็นการสร้างงาน และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยต่อไป
เปิดไฮไลต์ 2 รุ่นแรกในไทย
ในปี 2567 AIONEX มีแผนจะวางจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน โดยแต่ละรุ่นจะมีสมรรถนะและฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันตอบโจทย์คนละกลุ่มเป้าหมาย โดยรุ่นแรกที่จะวางจำหน่ายคือรุ่น S7 ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมนี้
KYMCO S7 ตอบโจทย์นักเดินทาง วิ่งไกล 155 กิโลเมตร
S7 เป็นจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์นักเดินทางอย่างมาก เพราะมีแบตเตอรี่ขนาด 7,600 วัตต์ที่ช่วยให้สามารถเดินทางไกลได้ถึง 155 กิโลเมตรด้วยการชาร์จไฟเพียงหนึ่งครั้ง พร้อมระบบขับขี่ไร้กุญแจ เปิดปิดผ่าน Ionex Smart Application และไฟหน้า LED แบบ Fisheye เสริมด้วย ABS Dual Disc brake ทั้งล้อหน้าและล้อหลังเพิ่มความปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังมีลูกสูบเบรก 3 ตัวช่วยยกระดับความปลอดภัย ช่วยเสริมการควบคุมในขณะเร่งเครื่องเพื่อไต่ขึ้นพื้นที่สูงชันให้เสถียรยิ่งขึ้น รวมถึงระบบ Fast POWER+ ที่มีตัวควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ช่วยจัดการการจ่ายพลังงานให้แก่เครื่องยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองทุกรูปแบบการขับขี่ด้วยนวัตกรรมประหยัดพลังงาน โดยจะมี 3 สีให้เลือกสรรตามไลฟ์สไตล์ได้แก่ Light Tech Silver Deep Ocean Blue และ British Green
i-One Fly เงียบ ง่าย มีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน
i-One Fly จักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง มีจุดเด่นที่ความอึดด้วยกำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แบบคู่ (Dual-Battery) ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 180 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง
ขณะที่ แฮนด์มอเตอร์ไซค์ และวงล้อที่มีน้ำหนักเบา ทำให้การหักเลี้ยวสามารถทำได้ง่ายดายและนุ่มนวลมากขึ้น ล้อรถยังถูกออกแบบมาให้สามารถป้องกันการเกาะตัวของน้ำและโคลนในวันฝนตก มอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งอยู่ด้านข้างตัวรถ ทำให้สามารถทำความสะอาดและซ่อมบำรุงได้สะดวกขึ้น
รถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้ส่งพลังการขับเคลื่อนได้โดยไม่ต้องใช้โซ่ (Chainless drive design) ทำให้เสียงเครื่องยนต์เงียบยิ่งกว่าปกติ และทำให้รถมีน้ำหนักเบายิ่งขึ้น และอีกความโดดเด่นคือดีไซน์และเทคโนโลยีที่ใส่มาแบบครบครัน ทั้งหน้าจอแสดงผลแบบ LED พร้อมช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ และความสามารถในถอยหลังรถได้ง่ายเพียงปุ่มเดียว (Smart Reversing One-Button Start)
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘อรุณ พลัส’ ร่วมทุน ‘CATL’ ทุ่มกว่า 3,600 ล้านตั้งโรงงานแบตเตอรี่ในไทย รับยานยนต์ไฟฟ้า
- ปตท. เดินหน้าธุรกิจมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศถึง 15 ปี
- ‘ARUN PLUS’ ประกาศตัวพร้อมเป็น ‘ผู้นำการผลิตรถอีวี’ ในไทย
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg
