ยูนิลีเวอร์ 88 ปี ในไทย เดินหน้าช่วยรายย่อย ผ่านโครงการ ร้านติดดาว พี่ติมวอลล์ พร้อมสานต่อภารกิจลดใช้พลาสติก ลดคาร์บอนไดออกไซด์
ถือเป็นอีกหนึ่งองค์กรธุรกิจข้ามชาติ ที่ผลิตสินค้าเคียงคู่ครอบครัวไทยมานานถึง 88 ปี โดยภารกิจนับจากนี้ ยูนิลีเวอร์ ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์ความยั่งยืนในประเทศไทย ด้วยการช่วยเหลือคู่ค้า รายย่อย ประชาชน และประกาศพันธกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการลดใช้พลาสติก และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์
นายโรเบิร์ต แคนเดลิโน ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย และอาเซียน เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 นี้ ยูนิลีเวอร์จะครบรอบ 88 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ อยู่ในครัวเรือนไทยถึง 99% ทำให้เกิดความผูกพัน และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย
ทั้งนี้ ในปี 2563 นี้ ยอมรับว่า เป็นปีที่ท้าทายอย่างมาก สำหรับทุกคน สถานการณ์ที่ยากลำบากจากโรคระบาดส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ และความไม่สงบทางการเมือง และส่งผลกระทบต่อหลายภาคธุรกิจ
ขณะที่ ยูนิลีเวอร์ในฐานะที่อยู่คู่คนไทยมานานถึง 88 ปี ได้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือคู่ค้า ด้วยการช่วยสนับสนุนสภาพคล่องทางการเงิน ของพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น การยืดระยะเวลาชำระเงิน รวมทั้งช่วยแบ่งเบาด้านค่าครองชีพให้แก่ผู้บริโภค ด้วยการลดราคาสินค้าหลายรายการ
นอกจากนี้ ยังเน้นการสร้างงานและส่งต่อความสุข รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย โชห่วยผ่านโครงการร้านติดดาว และการจ้างงานผ่านโครงการ Wall’s man (พี่ติมวอลล์) ที่มาส่งต่อความสุขผ่านไอศกรีมให้กับผู้บริโภค
ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้คิดค้นสินค้านวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค อย่างต่อเนื่อง หลายรายการ เช่น น้ำยาทำความสะอาดโปรแมกซ์ฆ่าเชื้อโควิด สินค้าแอนตี้แบค คนอร์ข้าวต้ม ที่เพิ่มคุณค่าทางอาหาร เป็นต้น
พร้อมกันนี้ บริษัทยังประกาศมาตรการ และพันธกิจใหม่ ด้านสิ่งแวดล้อม ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดที่ยังไม่คลี่คลาย ด้วยการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และเร่งฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อคนรุ่นหลัง
ทั้งนี้ ภายในปี 2573 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้าทั้งหมด ของยูนิลีเวอร์ จะเลิกใช้คาร์บอนที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล แล้วเปลี่ยนไปใช้คาร์บอนหมุนเวียน หรือที่มาจากการรีไซเคิลแทน
กลุ่มยูนิลีเวอร์ ยังตั้งกองทุนมูลค่า 1,000 ล้านยูโร สำหรับโครงการ Clean Future เพื่อใช้ในการวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ และการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และของเสีย รวมทั้งการใช้สารเคมีคาร์บอนต่ำ รวมถึงการคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดน้ำและย่อยสลายทางชีวภาพได้
นายโรเบิร์ต กล่าวว่า ยูนิลีเวอร์ ยังมุ่งเปลี่ยนแปลงระบบอาหารทั่วโลก โดยภายในปี 2568 จะลดปริมาณขยะอาหารจากกระบวนการผลิตโดยตรง นับตั้งแต่ที่โรงงาน ไปจนถึงชั้นวางของในร้านค้า ให้ได้ครึ่งหนึ่งทั่วโลก และจะเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์อาหาร ที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี เป็นสองเท่าตัวทั่วโลก รวมถึงเดินหน้าลดแคลอรี่ ปริมาณเกลือและน้ำตาลในทุกผลิตภัณฑ์ลง ผ่านพันธกิจ “Future Food”
สำหรับในประเทศไทย ยูนิลีเวอร์เป็นผู้นำในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลหลังการบริโภค (post-consumer recycled: PCR) ภายในประเทศ มากถึง 4,000 ตัน
ปัจจุบันหลายแบรนด์ของบริษัท เช่น ซันไลต์ คอมฟอร์ต ซันซิล และโดฟ ล้วนใช้ขวดบรรจุภัณฑ์ที่เป็น PCR ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิด เศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทย และทำให้เกิดการสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคัดแยก และจัดเก็บขยะพลาสติก เพื่อให้ขยะพลาสติก ถูกนำมาหมุนเวียนใช้ในระบบ
ในส่วนของการลดการใช้พลาสติก ยูนิลีเวอร์ได้ลดการใช้เม็ดพลาสติกใหม่กว่า 1,400 ตัน และยังได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของถ้วยไอศกรีมวอลล์ จากเดิมที่เป็นพลาสติก มาเป็นถ้วยกระดาษแทน ซึ่งสามารถลดขยะพลาสติก ได้ถึง 200 ตัน ต่อปี
สิ่งที่สำคัญคือ บริษัทยูนิลีเวอร์ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด และภาครัฐ จะต้องทำหน้าที่ของตน ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย 68 ล้านคน และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งการยกระดับสุขอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดี ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากแหล่งกำเนิด และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคม” นายโรเบิร์ต กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ยูนิลีเวอร์’ ประกาศแผนสู้ วิกฤติสภาพภูมิอากาศ ปี 82 ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
- รวมพลังขับเคลื่อน Circular in Action – ปฏิบัติการหมุนเวียนพลาสติกด้วยจุดดรอปพ้อยท์
- ส่งซันไลต์ ‘ลิมิเต็ด อิดิชั่น’ ปลุกกระแส ‘รักษ์โลก’