CEO INSIGHT

‘ชฎาทิพ’ ประกาศทุ่มสรรพกำลัง หนุนนโยบายรัฐฟื้นท่องเที่ยวเต็มสูบ

“ชฎาทิพ จูตระกูล” บิ๊กบอส สยามพิวรรธน์ พร้อมหนุนรัฐบาลร่วมฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ในฐานะ Global Destination อันดับหนึ่งของไทย ชี้นโยบายรัฐบาลทั้งฟรีวีซ่า เงินดิจิทัล ส่งผลบวกเศรษฐกิจ-กำลังซื้อประเทศ

เราในฐานะภาคเอกชน ดีใจที่เห็นประเทศไทยมีความชัดเจนที่จะก้าวต่อไป หลังจากได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ และให้การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

3paragon

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ กล่าว

ทั้งนี้ สยามพิวรรธน์ ในฐานะการเป็นผู้สร้าง Global Destinations อันดับหนึ่งของประเทศไทย พร้อมที่จะทุ่มสุดตัวในไตรมาส 4 ปีนี้และต่อเนื่องในปีหน้า ทั้งด้านงบประมาณ กำลังคนและเครือข่าย เพื่อร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

เห็นได้จากในไตรมาส 4 ปีนี้ ที่สยามพิวรรธน์จะทุ่มงบประมาณถึง 1,000 ล้านบาทในการจัดกิจกรรมรวม 40 อีเวนท์ รวมถึงงานเคาท์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่ที่ไอคอนสยาม ซึ่งเป็นการใช้งบเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงเท่าตัว เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยถึง 30 ล้านคนในสิ้นปีนี้

ที่สำคัญคือ ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครที่ติดอันดับโลกในการเป็นที่สถานที่ที่ดีที่สุดในสายจานักท่องเที่ยว เมื่อผนึกกำลังกับภาคเอกชนเชื่อว่าจะสามารถดึงคนทั่วโลกให้เข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยได้

แนะฟรีวีซ่า-เพิ่มสายการบิน-ดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ 

นอกจากนี้ ยังมองว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน จะส่งให้นักท่องเที่ยวจีนกลับเข้ามาเที่ยวไทยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันชาติจีนต้นเดือนตุลาคมนี้

ขณะเดียวกัน ในฐานะ Global Destination สยามพิวรรธน์ ยังมองเห็นโอกาสจากนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น นักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ที่มีกำลังซื้อสูง มาเป็นครอบครัวและใช้เวลาอยู่ในไทยนานหลายวัน รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ที่ใช้ไทยเป็นสถานที่จัดประชุมสัมมนา หากสามารถเพิ่มนักท่องเที่ยวทั้งสองกลุ่มนี้ได้ จะช่วยให้การท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวเร็วขึ้น

ทั้งนี้เห็นได้จาก กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลาง ที่เข้ามาช้อปปิ้งในศูนย์การค้าเครือสยามพิวรรธน์ ที่ส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มสูงขึ้นจาก 5,500 บาทต่อคนต่อวัน เป็น 8,500 บาทต่อคนต่อวัน

ไอคอนสยาม

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทยยังมีข้อจำกัดในเรื่องของสายการบินที่ไม่เพียงพอกับความต้องการของนักเดินทางทั่วโลก จึงอยากเสนอให้เพิ่มเที่ยวบินให้มากขึ้น หรือร่วมเป็นพันธมิตรกับสายการบินจากประเทศต่างๆ เพื่อเพิ่มเที่ยวบินเข้าไทยให้เพียงพอกับความต้องการของนักท่องเที่ยว

ส่วนกรณีเงินดิจิทัล 10,000 บาทที่จะแจกให้ประชาชนทุกคนนั้น มองว่า จะส่งผลบวกต่อภาพรวมธุรกิจค้าปลีก เนื่องจากเกิดแรงซื้อ เกิดการจับจ่ายมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระตุ้นให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้นอีกทางหนึ่ง

เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์การเป็นที่ 1 

ที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ ดำเนินกลยุทธ์สู่ความเป็นที่ 1 มาอย่างต่อเนื่องใน 4 ด้านได้แก่

  • การเป็นที่ 1 ในใจผู้คน จากการเป็นผู้สร้าง Global Destinations ทั้งในไทยและในระดับนานาชาติ
  • การเป็นที่ 1 ในใจลูกค้า เห็นได้จากปัจจุบันทั้ง 5 ศูนย์การค้าในเครือ มีทราฟฟิกรวมวันละ 2.5-3 แสนคน หลายร้านค้ามียอดขายเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับร้านค้าในสาขาอื่น
  • การเป็นที่ 1 ในใจพันธมิตร จากการร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่หลากหลายกว่า 50 ราย ผ่านวันสยาม ซูเปอร์แอป เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประกันภัย ธนาคารฯลฯ
  • การเป็นที่ 1 ของโลก สะท้อนได้จากได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย เช่นรางวัลผู้สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดของโลก รางวัลการออกแบบที่ดีที่สุดในโลก เป็นต้น

1 10

นางชฎาทิพ กล่าวอีกว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 นี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์มีถึง 14 ล้านคน เพิ่มขึ้น 46% จากปี 2565 โดยมียอดการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยที่ 8,500 บาท/คน/วัน

เมื่อรัฐบาลมีนโยบายที่จะอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาสู่ประเทศไทยอย่างเต็มที่แล้ว เชื่อมั่นว่าภายในสิ้นปีนี้ประเทศไทยจะมียอดนักท่องเที่ยวถึง 30 ล้านคน และสยามพิวรรธน์จะทุ่มทุนจัดกิจกรรมในไตรมาสสุดท้ายทุกศูนย์การค้าด้วยงบประมาณ 1,000 ล้านบาทเพื่อเป็นแม่เหล็กให้ผู้คนทั่วโลกอยากมาเยี่ยมชม

เผย 4 ยุทธศาสตร์ (Strategic Pillars) 

1. ผู้นำการสร้างประสบการณ์ Shopping ยิ่งใหญ่เหนือความคาดหมาย เสริมแกร่งผู้นำในตลาด Luxury retail ด้วยการผนึกกำลังกับ Luxury brand ร้านค้าผู้เช่า และพันธมิตรธุรกิจ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ดังนี้

  • เตรียมเปิดร้าน Luxury brands ใหม่เพิ่มเติมถึง 20 ร้านค้าในไตรมาส 4 ซึ่งหลายแบรนด์เป็นสาขาแรกในประเทศไทย
  • มีคิวจัด Pop-up store และงานอีเวนต์ระดับโลก ร่วมกับแบรนด์ต่างๆ มากกว่า 40 แบรนด์ไปจนถึงสิ้นปี 2567
  • ลักซ์ซูรี่แบรนด์ทุกค่าย เตรียมขยายพื้นที่กว่าเท่าตัวให้เป็น Iconic store ที่ใหญ่ที่สุดในสยามพารากอนและไอคอนสยามในปีหน้า

2. ผู้นำการจัด World Class Event และการประชุมนานาชาติ

ที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ได้ทำงานร่วมกับองค์กรภาครัฐ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) และภาคเอกชนต่างๆ เพื่อดึงดูดนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ ที่มีกำลังซื้อสูงจากทั่วโลก

ทั้งนี้ ได้โดยใช้พื้นที่รอยัลพารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน และทรู ไอคอนฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม เป็นสถานที่จัดงานอีเวนต์มาตรฐานระดับโลกหรือการประชุมนานาชาติ ซึ่งในปีนี้ได้รองรับงานสำคัญรวมกันกว่า 40 งาน และมีการจองใช้ใน ปี 2567 แล้วมากถึง 70%

รอยัล

นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้จัดงานอีเวนต์รายใหญ่ของโลกรายหนึ่งที่จะมาร่วมลงทุนสร้างศูนย์ประชุมและการแสดงเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในต้นปี 2567

3. ผู้นำในการส่งเสริมศิลปะไทย ยกระดับกรุงเทพฯ ให้เป็นศูนย์กลางศิลปะระดับโลก

สยามพิวรรธน์ เตรียมแผนเสนอรัฐบาลที่จะปั้นให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางของ S/E Asia ที่จะจัดงานศิลปะระดับโลกให้เกิดขึ้น เพื่อดึงดูดบุคคลในวงการศิลปะเข้ามาในประเทศไทย อาทิ งาน Art Basel และ Frieze เป็นต้น ซึ่งจะทำให้บรรดาศิลปินไทยได้มีโอกาสแสดงผลงานร่วมกับศิลปินระดับโลกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น สยามพิวรรธน์มีนโยบายที่จะเปิดศูนย์ศิลปะริเวอร์มิวเซียม ชั้น 8 ไอคอนสยาม ในปี 2026 ด้วยพื้นที่ 8,000 ตารางเมตร ซึ่งจะเป็นมิวเซียมมาตรฐานโลกแห่งแรกของประเทศไทยที่สามารถรองรับงานศิลปะ master piece ระดับโลกได้ทัดเทียมกับมิวเซียมชั้นนำในประเทศต่างๆ

ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะดึงดูดบุคคลสำคัญในวงการศิลปะและบรรดา นักสะสมงานศิลปะจากทั่วโลกเข้ามาในประเทศไทย นับว่าเป็นกลุ่มท่องเที่ยวคุณภาพสูงกลุ่มใหม่ที่จะ ต่อยอดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีในระยะยาว

4. ผู้นำในการปั้น Soft power ของไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์และต่อยอดสู่เวทีโลก

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่สยามพิวรรธน์ได้พัฒนาแพลตฟอร์มแห่งโอกาสที่นำสุดยอดฝีมือในด้านต่างๆ ของไทย เพื่อนำเสนอ Soft power ของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร ภาพยนตร์ แฟชั่น ดีไซเนอร์ และอื่นๆ

ขณะเดียวกันยังรวมทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs และพ่อค้าแม่ค้าจาก 77 จังหวัด จำนวนกว่า 6,000 ราย มารวมตัวกันนำเสนออัตลักษณ์ไทยรูปแบบต่างๆ ผ่านเมืองสุขสยาม ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมไม่ต่ำกว่าวันละ 7 หมื่นคนและเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากใน social media ทั่วโลก

2 12

นอกจากนี้ การสร้างแบรนด์สินค้าของคนไทยผ่านธุรกิจรีเทลของสยามพิวรรธน์ อันได้แก่ ICONCRAFT, ODS และ ECOTOPIA ก็สามารถขายแฟรนไชส์ไปต่างประเทศ โดย​พร้อมร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งพันธมิตร ระดับโลก ยกระดับ Soft power ของคนไทยให้เป็นที่ชื่นชมบนเวทีโลกด้วยเช่นกัน

นางชฎาทิพ กล่าวว่า สยามพิวรรธน์พร้อมที่จะผสานพลังทุกภาคส่วน สนับสนุนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ร่วมผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ทำให้ประเทศไทยครองแชมป์จุดหมายปลายทางของโลก

อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ที่จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมเศรษฐกิจ สร้างรายได้ และก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระบวกทั้งผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจ MICE และบริการที่จะได้ประโยชน์จากการมาเยือนของชาวต่างชาติเช่นกัน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo