Economics

เปิดทางซื้อ ‘Eco Car’ วิ่งแท็กซี่ แบ่งค่าโดยสาร 3 เรทตามขนาดรถยนต์

“ขบ.” เข็นกฎหมายรองรับ “ป้ายดำ” พร้อมมาตรการช่วย “แท็กซี่” ดันขยายอายุรถเป็น 12 ปี เปิดช่องซื้อ “Eco Car” มาวิ่งได้ อนาคตลุยหั่นค่ามิเตอร์เป็น 3 เรทตามขนาดเครื่องยนต์

กด

นายวิฑูรย์  แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วานนี้ (25 พ.ย.) นายธีระพงศ์ งามเอก ผู้อำนวยการสำนักการขนส่งผู้โดยสาร กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อร่างกฎกระทรวง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการนำรถยนต์ส่วนบุคคล (รถป้ายดำ) มาให้บริการเป็นรถขนส่งสาธารณะผ่านแอปพลิเคชั่น และมาตรการเยียวยารถแท็กซี่รูปแบบดั้งเดิม จำนวน 4 ฉบับ ได้แก่

  • ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน (ฉบับที่ 2)
  • ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตประกอบการรับจ้างบรรทุกคนโดยสารแบบพิเศษ (ฉบับที่ 2)
  • ร่างกฎกระทรวงขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตประกอบการรถยนต์ส่วนบุคคลรับจ้างบรรทุกคนโดยสารผ่านแอปพลิเคชันหรือระบบอื่นใด
  • ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาใช้ในการรับจ้างบรรทุกคนโดยสารผ่านแอปพลิเคชันหรือระบบอื่นใด

การประชุมครั้งนี้มีรถแท็กซี่ให้ความสนใจเข้าร่วมแสดงความเห็นประมาณ 5-6 กลุ่ม จำนวนรวมเกือบ 100 คน โดยผู้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมในห้องประชุม ก็ขอติดตามความคืบหน้าอยู่ในห้องข้างๆ ขณะเดียวกันบริษัท แกร็บ ผู้ให้บริการเรียกรถป้ายดำผ่านแอปพลิเคชั่นก็เข้าร่วมการประชุมด้วย

fig 02 10 2019 04 10 45

“Eco Car” วิ่งแท็กซี่ได้

นายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า ร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ได้กำหนดแนวทางการเยียวยารถแท็กซี่รูปแบบดั้งเดิมจำนวน 2 มาตรการ มาตรการแรกคือ การขยายอายุรถแท็กซี่จาก 9 ปี เป็น 12 ปี แต่ก็มีผู้โต้แย้งในประเด็นนี้ เพราะกังวลว่าจะทำให้คุณภาพบริการของรถแท็กซี่ด้อยลง

มาตรการที่ 2 อนุญาตให้นำรถยนต์ที่มีกำลังของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 50 กิโลวัตต์ มาวิ่งให้บริการเป็นรถแท็กซี่ได้ ซึ่งเท่ากับว่าอนุญาตให้นำรถประหยัดพลังงาน (Eco car) ขนาด 1,200-1,300 ลูกบาศก์เซนติเมตร (CC) มาพัฒนาเป็นรถแท็กซี่ได้ จากเดิมต้องใช้รถยนต์ที่มีขนาด 1,6000 CC ขึ้นไปเท่านั้น

มาตรการนี้จะส่งผลให้รถแท็กซี่ในอนาคตมีทั้งหมด 3 ขนาด คือ ขนาดเล็กที่เป็น Eco Car, รถแท็กซี่ขนาดทั่วไปในปัจจุบัน, และรถแท็กซี่ขนาดใหญ่ (รถแท็กซี่แวน) ที่มีเครื่องยนต์ขนาด 2,000 CC ขึ้นไป ซึ่ง ขบ. ก็จะกำหนดอัตราค่าโดยสารเป็น 3 ช่วง เพื่อให้เหมาะสมกับต้นทุนของรถยนต์แต่ละประเภทด้วย

“ตามแนวทางนี้ก็จะมีรถเล็กมาวิ่งด้วย ทำให้ต่อไปแท็กซี่จะมีทั้งหมด 3 ขนาด โดยรถเล็กจะเก็บค่าโดยสารราคาถูก ซึ่งที่ประชุมก็ค่อนข้างเห็นสอดคล้องกันในเรื่องนี้ แต่ที่น่าสังเกตคือ ที่ประชุมครั้งนี้ไม่ได้พูดถึงการปรับขึ้นค่ารถแท็กซี่เลย ทั้งที่คิดว่าจะพูดถึงบ้าง” นายวิฑูรย์

แท็กซี่

วิ่งป้ายดำต้องถือใบขับขี่สาธารณะ

สำหรับการนำรถป้ายดำมาให้บริการเป็นรถแท็กซี่สาธารณะนั้น นายวิฑูรย์กล่าวว่า ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผู้ขับรถป้ายดำต้องมีใบขับขี่สาธารณะ และต้องนำใบขับขี่ดังกล่าวไปจดทะเบียนผูกติดกับรถยนต์คันหนึ่งคันใด ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นการป้องกันไม่ให้นำรถไปเช่าช่วงขับต่อ เนื่องจากกฎหมายถือว่า การนำรถป้ายดำมาให้บริการรถสาธารณะ เป็นการสร้างรายได้เสริมให้เจ้าของรถ ไม่ใช่การประกอบอาชีพหลัก

นอกจากนี้ รถป้ายดำต้องติดสัญลักษณ์แสดงความเป็นรถสาธารณะ แต่ห้ามหยุดรับผู้โดยสารที่โบกเรียกตามท้องถนนเหมือนรถแท็กซี่ทั่วไป โดยผู้ขับรถป้ายดำต้องรับผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชั่น พร้อมแจ้งค่าโดยสารล่วงหน้าเท่านั้น

ร่างกฎหมายยังอนุญาตให้นำรถป้ายดำที่มีอายุไม่เกิน 9 ปี มาวิ่งเป็นรถสาธารณะได้ แต่กลุ่มแท็กซี่ดั้งเดิมไม่เห็นด้วย เพราะ ขบ. กำหนดว่า รถแท็กซี่ที่นำมาวิ่งให้บริการในระยะแรกต้องมีอายุไม่เกิน 2 ปี ดังนั้นจึงควรกำหนดอายุขั้นต่ำให้เท่าเทียมกัน

taxi เมล์ ตู้ ๑๘๑๒๐๗ 0039

แกร็บขอขยายเวลารับใบอนุญาต

นายวิฑูรย์กล่าวถึงผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นว่า ร่างกฎกระทรวงกำหนดว่า แต่ละบริษัทต้องมีจำนวนสมาชิกที่เป็นเจ้าของรถป้ายดำและมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะครบตามจำนวนที่ ขบ. กำหนดก่อน จึงสามารถขอรับใบอนุญาตได้ ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมก็โต้แย้งว่า ข้อกำหนดดังกล่าวจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เจ้าของแอปพลิเคชั่นรายเดิม เนื่องจากผู้เปิดให้บริการรายใหม่ต้องรอรวบรวมสมาชิกให้ครบ จึงสามารถขอรับใบอนุญาตได้

นอกจากนี้ บริษัทผู้ให้บริการเรียกรถป้ายดำ จะต้องนำผู้ขับขี่และรถยนต์ไปจดทะเบียนขอรับใบอนุญาตให้เรียบร้อยภายใน 180 วัน หรือ 6 เดือน หลังจากกฎหมายบังคับใช้ แต่บริษัท แกร็บ ขอขยายระยะการยื่นเรื่องขอรับใบอนุญาตออกไปเป็น 1 ปี โดยอ้างว่าบริษัทมีผู้ขับและรถยนต์ให้บริการเป็นแสนคัน หากให้ระยะเวลาแค่ 6 เดือน จะดำเนินการไม่ทัน

อย่างไรก็ตาม กลุ่มรถแท็กซี่ดั้งเดิมไม่ยินยอมในประเด็นนี้ เพราะเห็นว่าบริษัท แกร็บ ได้รับสิทธิ์ต่างๆ จำนวนมากแล้ว จึงเกิดการปะทะคารมระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายเล็กน้อย โดยภาพรวมของการประชุมครั้งนี้ก็ถือว่าไปได้ดี มีข้อโต้แย้งต่างๆ บ้าง แต่ไม่ถึงขนาดจะล้มการร่างกฎหมาย จึงคาดว่าแนวทางการแก้ปัญหาของ ขบ. คงเป็นไปตามนี้

อย่างไรก็ตาม กลุ่มรถแท็กซี่ต้องการให้ ขบ. นำร่างกฎหมายทั้ง 4 ฉบับ มาเปิดประชุมรับฟังความคิดเห็นอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในประเด็นที่มีข้อโต้แย้ง แต่ ขบ. ก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่กล่าวว่า หลังจากนี้จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนการออกกฎหมาย คือ เสนอกระทรวงคมนาคม, สํานักงานกฤษฎีกา และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไป ซึ่งก็คาดว่าจะบังคับใช้กฎกระทรวงทั้ง 4 ฉบับได้ในไตรมาสแรกของปี 2563 ตามเป้าหมายของกระทรวงคมนาคม

Avatar photo