ส่องโอกาส UAE ลงทุนธุรกิจการเกษตร ให้สามารถปลูกพืชในฤดูร้อนอุณหภูมิระหว่าง 40-45 องศาเซลเซียสได้ สร้างความมั่นคงด้านอาหาร ธุรกิจไทยควรร่วมกระแส
นายปณต บุณยะโหตระ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ เปิดเผยว่า สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี มีการลงทุน และสนับสนุนให้ประชากรในประเทศ มีอาหารรับประทานอย่างเพียงพอ จึงแนะนำ ผู้ประกอบการไทย ส่องโอกาส UAE จากการสนับสนุนของรัฐบาล UAE ที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านอาหาร ของประชาชนในประเทศ
ทั้งนี้ นอกจากการค้นหาแหล่งผลิตอาหารจากภายนอก แล้ว รัฐบาลยูเออี ยังเร่งรัดการวิจัย และพัฒนาพันธุ์ และเทคโนโลยีเพื่อเพาะปลูกพืชในประเทศ ซึ่งพื้นที่เป็นทะเลทราย ให้สามารถปรับตัวได้ในสภาพภูมิอากาศร้อน รวมทั้งใช้เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้วย
แต่วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก อย่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ทำให้สถานการณ์ทางอาหารของยูเออี สั่นคลอนอยู่ไม่น้อย รัฐบาลจึงได้สร้างมาตรการรับมือกับความท้าทายความมั่นคงทางอาหารให้เพียงพอต่อประชากรในประเทศท่ามกลางวิกฤตโรคโควิด-19
สำหรับการลงทุน ของรัฐบาล ยูเออี ประกอบด้วย 4 ด้าน ดังนี้
ลงทุนธุรกิจการเกษตร
เมื่อเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ประเทศที่มีศักยภาพด้านการค้า และการลงทุนในระดับสูง ดังเช่น กลุ่มประเทศความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council: GCC) จึงได้แสวงหาที่ดิน ทั้งแบบเช่าระยะยาว หรือการซื้อเพื่อเพาะปลูกพืชอาหาร ในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
จากรายงานของ Global Agricultural Information Network 2019 ระบุว่า ยูเออีมีการลงทุนด้านการเกษตรในต่างประเทศ เพื่อผลิตอาหารสำหรับตลาดยูเออีโดยเฉพาะ อาทิ บริษัท Saudi Arabia Agricultural and Livestock Company (SALIC) ของซาอุดิอาระเบีย และ Al-Dahra ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ บริษัท Al-Dahra ยังได้ซื้อบริษัท Agricost Braila ซึ่งเป็นผู้ผลิตทางการเกษตรใหญ่ที่สุดในโรมาเนีย ซึ่งมีฟาร์มผลิตพืชผลทางการเกษตรถึง 350,000 ไร่
ส่งเสริมในระยะยาว
รัฐบาลยูเออี สนับสนุนการกสิกรรมเพาะปลูกในประเทศ โดยให้เงินช่วยเหลือเจ้าของฟาร์ม หาตลาดขายสินค้า และเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อให้สามารถปลูกพืชในฤดูร้อน อุณหภูมิระหว่าง 40-45 องศาเซลเซียสได้ ดังเช่น แปลงปลูกทดลองของ ข้าวบัสมาสิ 2 สายพันธุ์ คือ ข้าวเมล็ดสั้นสายพันธุ์ Japonica ชื่อพันธุ์ Asimi และข้าวเมล็ดยาวสายพันธุ์ Indica ชื่อพันธุ์ FL478 ทางตอนเหนือของยูเออี ซึ่งข้าวทั้งสองพันธุ์ดังกล่าว สามารถทนอากาศร้อนและความเค็มของน้ำได้ดี
เกษตรกรรมแนวดิ่งมาแรง
ปัจจุบัน สวนผักในตัวอาคารที่เรียกว่า “Vertical Farming” ที่สามารถปรับอุณหภูมิให้เหมาะกับการเจริญเติบโต และปลอดสารเคมีกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการเกษตรกรรมในยูเออี เพราะประหยัดทั้งน้ำเเละปุ๋ย ดังเช่นของบริษัท Emirates Airline Catering ที่ร่วมลงทุนมูลค่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ขณะที่ บริษัท Crop One ของสหรัฐอเมริกา มีพื้นที่เพาะปลูกรวม 130,000 ตารางฟุต สามารถให้ผลผลิตได้วันละ 900 ตัน ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งผู้บริโภคในประเทศและต่อสิ่งเเวดล้อม เพราะการปลูกผักสลัด 1 กก. จะใช้น้ำประมาณ 20 ลิตร และสามารถนำน้ำหมุนเวียนกลับมาใช้ได้ใหม่แทนที่จะละลายไปกับดินดังการปลูกผักแบบดั้งเดิม
ปลูกผัก เลี้ยงปลาแบบอควาโปนิกส์
บริษัท Merlin Agrotunnel ตั้งอยู่ใน Sharjah Research Technology and Innovation Park (SRTI Park) รัฐชาร์จาห์ ทาฟาร์ม ได้ทำ ระบบอควาโปนิกส์ (Aquaponics) ใช้พื้นที่เพียง 150 ตารางเมตร ปลูกผักแบบไม่ใช้ดินแต่ใช้น้ำจากการเลี้ยงปลาแทน ซึ่งจะหมุนเวียนและไม่มีการปล่อยน้ำเสียไปเป็นมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม น้ำที่นำมาใช้ได้ จากการกลั่นน้ำทะเลมาเป็นน้ำจืดด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
ขณะนี้ได้ผักออร์แกนิคประมาณ 1 ตันต่อเดือน สามารถสร้างผลกำไร ในการทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ตลอดทั้งปี ในทุกสภาพอากาศ สามารถทำได้ในพื้นที่ขนาดเล็ก ให้บริการอาหารท้องถิ่นสดใหม่ที่ไม่มียาฆ่าแมลง
“จากแนวโน้มด้านอาหารในปัจจุบัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แสดงให้เห็นว่า สามารถเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เพื่อการบริโภคภายในประเทศได้หลายชนิด อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตสำหรับสินค้าอาหารบางอย่างยังสูงอยู่ เมื่อเทียบกับสินค้านำเข้า จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาเพื่อลดต้นทุนต่อไป”นายปณต กล่าว
ดังนั้น ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องด้านอาหารของไทย ที่ต้องการทำการค้ากับยูเออี จึงต้องขบคิดเพิ่มมากขึ้นอีกขั้น นอกจากการส่งผลิตภัณฑ์อาหารเพียงอย่างเดียว ควรหาช่องทางเข้าร่วมในนโยบายส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร ไม่ว่าจะเป็นด้านเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตร หรือ นวัตกรรมการเกษตร เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และร่วมกันพัฒนาให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายในระยะยาว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิด ‘ 20 สถานที่ดีสุด’ ที่ต้องไปเยือนปี 2020
- พช. ลุยเฟส 2 ‘ปลูกผักสวนครัว’ ยุติความหิวโหย สร้างความมั่นคงทางอาหาร
- ‘กรีนพีซ’ ค้านไทยร่วม ‘CPTPP’ ชี้ทำลาย ‘อธิปไตย – ความมั่นคงทางอาหาร’